“โค้ชเกรียงศักดิ์ ผมอยากหารือเรื่องการบริหารตนเองให้เก่งขึ้นครับ”
“คุณสาธิต เล่าให้ผมฟังหน่อยครับว่าการทำงานร่วมกับทีมงานของคุณมีลักษณะอย่างไร”
“ผมมีประชุมรายสัปดาห์กับทีมงานที่รายงานตรงผม 10 คน มีประชุมรายสัปดาห์อีกสามคณะกรรมการย่อย นอกจากนี้ ผมยังมีประชุมรายบุคคล 3-4 คนจาก 10 คนที่ขึ้นตรงกับผมครับ”
“คุณสาธิต ประเมินตนเองว่าสื่อสารได้ดีเพียงใดครับ ในสามทักษะต่อไปนี้คือ พูด ฟัง และถาม ถ้าจะให้คะแนนตนเองจากเกณฑ์ 1-10 ในแต่ละตัวครับ”
“โค้ช ผมคิดว่าพูดทำได้ 8/10 ฟัง 6/10 ถาม 6/10”
“เรื่องไหนที่อยากหารือกันในวันนี้ครับ”
“โค้ช เรื่องการฟังครับ ผมอยากขยับไปให้ถึงที่คะแนน 8 ครับ”
“คุณสาธิต คิดว่าหากได้ 8 จะมองเห็นตัวเองเป็นอย่างไรครับ”
“โค้ชครับ ผมปรารถนาจะเห็นตัวเองว่า ตั้งใจฟังคนในระหว่างที่เขาสนทนา พยักหน้าแสดงการรับรู้เป็นระยะ ๆ เมื่อคู่สนทนาพูดจบห้วงความคิดแต่ละครั้ง ไม่พูดสอดแทรกเลย
ทำให้คู่สนทนาพูดอย่างสบายใจ ไม่มีอาการตื่นเต้น เป็นตัวของตัวเอง และสามารถที่จะถ่ายทอดความคิดออกมาได้เต็มที่ เขาสามารถเล่าเรื่องที่ทำผิดได้โดยไม่กลัวว่าผมจะตัดสินเขาหรือโกรธเขาที่ทำพลาด”
“ดีครับคุณสาธิต ตอนนี้มีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้นแล้ว อะไรเป็นอุปสรรคทำให้คุณไปไม่ถึงเป้าหมายนี้ครับ”
“โค้ชครับ ผมมีงานเยอะเหลือเกินที่จะต้องทำ ผมไม่มีเวลาที่จะรับฟังคนของผมหรอก มีปญหามากมายที่ต้องรอให้ผมจัดการครับ”
“ทำไมจึงมีปัญหามากมายรอให้คุณจัดการละครับ”
“เพราะว่าผมเป็น CEO นะซีครับ”
“คุณสาธิต เราหยุดตรงนี้ก่อนครับ”
“ทำไมหรือครับ”
“คุณเชื่อใจผมไหมครับ”
“แน่นอนครับ ทำไมโค้ชถามคำถามนี้ครับ”
“เพราะว่าที่ผมจะถามคุณต่อไปนั้นอาจจะเป็นการท้าทายคุณ ดังนั้นผมจึงอยากให้คุณอยู่กับปัจจุบัน และพยายามตั้งพักการตัดสินเท่าที่จะทำได้ ไหวไหมครับ”
“ได้เลยครับ” เขาสูดหายใจลึก ๆ เพื่อตั้งสติ
“คุณสาธิต อะไรคือบทบาทของ CEO ครับ”
“CEO ต้องมีวิสัยทัศน์สำหรับอนาคต แปลงวิสัยทัศน์เป็นแผนงาน ขับเคลื่อนแผนงานเป็นกิจกรรม และบริหารการเปลี่ยนแปลง…”
เขาเงียบไปเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
“อ้า ที่ผมยุ่งอยู่กับงานมากมายนั้นผมใช้เวลาไปกับการแก้ปัญหาของลูกน้องแทนที่จะทำหน้าที่ CEO ที่แท้จริง”
“คุณสาธิต คุณอยากจะทำตัวให้แตกต่างไปจากเดิมอย่างไรครับ”
“ผมอยากลดเวลาในการแก้ปัญหาของลูกน้องลงครับ”
“ทำอย่างไรครับ”
“ที่จริงแล้ว ผมมีผู้บริหารเก่ง ๆ มากมายช่วยผม แทนที่ผมจะ สนุกกับการแก้ปัญหาของเขา ผมควรจะมอบหมายงานการแก้ปัญหาให้คนของผมไปทำ”
เขาเงียบไปอีก ดูเหมือนเขาจะเกิดอาการยูเรก้าอีกครั้ง
“คุณสาธิตครับ ดูเหมือนจะเกิดการจุดประกายอะไรขึ้นมาหรือครับ”
“โค้ช ผมเองเสพติดกับการแก้ไขปัญหาครับ ผมสนุกกับการแก้ปัญหา มากเกินไปแล้ว”
“เพราะอะไรครับ”
“เพราะว่าการแก้ปัญหามันช่วยให้ผมประสบความสำเร็จใน 20 ปีที่ผ่านมา การแก้ปัญหาคือจุดแข็งของผมเลย แต่ว่าตอนนี้ผมเป็น CEO แล้ว ผมควรจะใช้เวลาในการนำ มากกว่าแก้ปัญหาไปทุก ๆ เรื่อง”
“ดีครับ แล้วไงต่อครับ”
“โค้ชครับ ตอนแรกผมคิดว่าผมมีปัญหาเรื่องการฟัง ที่จริงแล้วการบริหารของผมไม่ดีต่างหาก”
“คุณสาธิตครับ จะทำอย่างไรต่อดีครับ”
“โค้ชครับ ผมต้องเตรียมตัวเองใหม่แล้วละ ผมต้องทำหน้าที่ CEO จริง ๆ เสียที สิ่งที่จะทำคือ
1. ระบุออกมาให้ชัดเลยว่าผมต้องทำอะไรบ้าง
2. ระบุสิ่งที่ต้องหยุดทำด้วยตนเองออกมา
3. ระบุว่าใครควรทำสิ่งที่เราต้องหยุดทำ
4. สื่อสารถึงคนที่เราจะมอบหมาย ให้แน่ใจว่าเขาตระหนักว่าทำไมผมจึงเปลี่ยนแปลง
5. สื่อสารถึงคนอื่น ๆ เพื่อให้เขาเข้าใจว่าเรากำลังทำอะไร และต้องการการสนับสนุนอะไร
6. หารือความคืบหน้ากับโค้ชเป็นระยะ”
“เป็นแผนงานที่ดีครับ คิดว่าอาจเกิดปัญหาอะไรขึ้นบ้างครับ”
“ผมกลัวว่าอาจจะกลับไปเป็นแบบเดิมครับ ดังนั้นผมต้องเตือนตนเองทุก ๆ เช้า และผมจะคอยส่ง SMS บอกโค้ชด้วย”
“ดีครับ เรามาติดตามผลกันในครั้งหน้านะครับ”