ผู้จัดการมีหน้าที่ทำงานให้สำเร็จผ่านบุคคลอื่น ไม่ใช่ทำงานด้วยตนเองไปทุกเรื่อง
งานจะสำเร็จผ่านคนอื่นได้ ต้อง มอบหมายงานที่ดีและติดตามงานได้ดี
ผู้บริหารที่เก่ง จะมีความสามารถใน “การติดตามงานแบบมืออาชีพ”
1. ทำไมคนส่วนใหญ่ ติดตามงานแบบมืออาชีพ ได้ไม่เก่ง
2. การติดตามงานแบบมืออาชีพ มีขั้นตอนอะไรบ้าง
3. เราจะพัฒนาทักษะ การติดตามงานแบบมืออาชีพ นี้ขึ้นมาได้อย่างไร
4. ข้อควรระวังในเรื่อง การติดตามงานแบบมืออาชีพ คืออะไร
5. Checklist ที่ช่วยให้เรามี การติดตามงานแบบมืออาชีพ ได้ดีควรเป็นอย่างไร
6. เราควรมีแนวทางในการติดตามแบบมืออาชีพให้เหมาะกับแต่ละบุคคลอย่างไร
1. ทำไมคนส่วนใหญ่ ติดตามงานแบบมืออาชีพ ได้ไม่เก่ง:
หลายคนอาจจะรู้สึกว่าการติดตามงานเป็นการรบกวนหรือเป็นการควบคุม ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่
นอกจากนี้ สำหรับคนไทย หลายคนรู้สึกเกรงใจ และคิดไปว่าเป็นการไม่ให้เกียรติ หรือบางคนก็กลัวว่าเขาจะคิดว่าเราไม่ไว้วางใจ
2. การติดตามงานแบบมืออาชีพ มีขั้นตอนอะไรบ้าง:
– ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
– สื่อสารเป้าหมายและความคาดหวัง
– ตรวจสอบความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ
– ให้ข้อเสนอแนะและแก้ไขปัญหา
– ประเมินผลและปรับปรุง
3. เราจะพัฒนาทักษะ การติดตามงานแบบมืออาชีพ นี้ขึ้นมาได้อย่างไร:
a. เริ่มที่ต้องมีทัศนคติก่อนว่า การติดตามงานแบบมืออาชีพเป็นการช่วยให้คนทำงานไม่หลุดกรอบ
และทำให้แผนงานใหญ่เป็นไปตามเป้าหมาย นอกจากนี้ หากเราเป็นมืออาชีพ เราจะสื่อสารสุภาพและตรงไปตรงมาอย่างมีวุฒิภาวะ
b. การสังเกตคนที่ติดตามงานเก่งก็ช่วยได้
c. นอกจากนี้ การหารือกับ Mentor / Coach ก็จะทำให้เราเข้าใจความคิดตนเองมากขึ้น
4. ข้อควรระวังในเรื่อง การติดตามงานแบบมืออาชีพ คืออะไร:
– หลีกเลี่ยงการเป็น “Micromanager” และให้ความสำคัญกับการสื่อสารที่เป็นกลาง
5. Checklist ที่ช่วยให้เรามี การติดตามงานแบบมืออาชีพ ได้ดีควรเป็นอย่างไร:
– ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นไปได้
– สร้างแผนการติดตาม
– สร้างเมตริกส์หรือตัวชี้วัด
– ตั้งเวลาสำหรับการตรวจสอบความคืบหน้า
– จัดทำรายงานและประเมินผล
6. เราควรมีแนวทางในการติดตามแบบมืออาชีพให้เหมาะกับแต่ละบุคคลอย่างไร:
เนื่องจากเราแต่ละคนมี preference คือ จริต สไตล์ บุคลิก และความชอบ ที่แตกต่างกัน ดังนั้น เราจึงไม่ควรใช้วิธีเดียวกันกับทุก ๆ คน
การติดตามงานแบบมืออาชีพต้องยืดหยุ่นและปรับตัวให้เหมาะสมกับบุคคลแต่ละคน ตามแนวทางดังนี้:
a. ทำความรู้จักบุคคลใต้บังคับบัญชา: สำคัญที่จะทำความรู้จักและเข้าใจสไตล์การทำงาน ความสนใจ และจุดแข็ง-จุดอ่อนของบุคคลในทีม
b. ปรับการสื่อสารให้เหมาะแต่ละคน: บางคนอาจชอบการสื่อสารผ่านอีเมล ในขณะที่บางคนอาจชอบการพูดคุยหน้าหน้า ควรปรับวิธีการสื่อสารให้เหมาะสม
c. ตั้งเป้าหมายที่เป็นส่วนตัวและเฉพาะเจาะจง: ให้เป้าหมายและงานที่มอบหมายเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องและสำคัญสำหรับบุคคลนั้น
d. ให้ข้อเสนอแนะและ Feedback ที่เป็นบวก: Feedback ควรเป็นเรื่องที่สร้างสรรค์และเป็นกำลังใจ ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้คนรู้สึกถูกตำหนิ
e. ให้โอกาสในการมีส่วนร่วมและประเมินผล: ให้พนักงานมีโอกาส Feedback โดยมีการเสนอแนวคิดและวิธีการที่เราควรปรับปรุง และให้พวกเขามีส่วนร่วมในการประเมินผล
f. ปรับปรุงและปรับตัว: หลังจากที่ได้รับ Feedback ควรทบทวนและปรับแนวทางในการติดตามงานให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
g. เคารพความเป็นส่วนตัวและอิสระของบุคคล: หลีกเลี่ยงการเป็น Micromanager ให้ความเป็นอิสระและความรับผิดชอบให้กับบุคคลในทีม
การติดตามงานแบบมืออาชีพที่เหมาะสมกับบุคคลแต่ละคน
จะช่วยให้ทีมงานมีประสิทธิภาพและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
และนี่เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับการเป็นผู้นำที่ดีและมีประสิทธิภาพ