เข้าใจคนไทยเพียงใด

มาร์คเป็นซีอีโอคนใหม่ เขาอยากให้ผมโค้ชผู้บริหารชาวไทยให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง

“ผมตั้งใจจะเปลี่ยนแปลง โครงสร้าง ระบบ กระบวนการแและคน ไปพร้อม ๆ กัน เรามีเวลาไม่มากนัก”

“ทำไมต้องเร่งขนาดนั้นครับ” ผมถาม

“ซีอีโอไทยคนก่อน ช้าและใจดีเกินไป เราล้าหลังคู่แข่งและช้ากว่าแผนงานเดิมไปมาก”

“มาร์คผมไม่รับงานนี้หรอกครับ ผมคาดว่าคงได้รับการต่อต้านอย่างหนัก”

“ทำไมครับ”

“เพราะคุณไม่เข้าใจคนไทยเพียงพอครับ”

“ผิดแล้วคุณเกรียงศักดิ์ ผมทำงานในเอเชียมากว่าสิบปี ผมเข้าใจคนเอเชียและคนไทยดี”

“ผมอยู่เมืองไทยมา 51 ปีแล้ว ผมยังไม่ค่อยแน่ใจเลยว่าเข้าใจคนไทย”

“อ้าว ถ้าคุณไม่เข้าใจคนไทยแล้วคุณจะช่วยผมได้อย่างไร”

“มาร์ค ผมทวนอีกครั้ง คุณไม่เข้าใจคนไทยเพียงพอ ลองทวนสิ่งที่เราคุยกันดูซี”

เขานิ่งเพื่อจะคิด แล้วก็โพล่งออกมาด้วยสีหน้าสำนึกผิดว่า “โอ้ ผมนี่หยิ่งมากเลยนะ อยู่เอเชียมา 10 ปีก็ว่าเข้าใจคนไทยแล้ว คุณอยู่มา 51 ปีกลับถ่อมตัวว่ายังไม่เข้าใจ น่าอายมากเลย”

“ไม่แย่หรอก” ผมปลอบใจ

“มาร์คคุณยังเก่งกว่าคนต่างชาติอื่น ๆ จำนวนมาก ที่รู้ตัวก่อนตั้งแต่ตอนนี้ ถ้างั้นหากจะเปลี่ยนแปลงทั้งสี่เรื่องคือ โครงสร้าง ระบบ กระบวนการแและคน คุณคิดว่าควรทำอย่างไรดี”

“ผมว่าอาจจะเน้นเรื่องคนก่อน”

“มาร์ค ถ้าจะเปลี่ยนให้ราบรื่นและเร็วแล้ว ผมว่าการเปลี่ยนแปลงต้องเกิดด้วยนำ้มือคนไทย หากคุณต้องการให้เกิดด้วยการผลักดันของคุณโดยลำพัง อาจจะเร็วตอนแรก แต่จะกระทบขวัญและกำลังใจ คนเก่งอาจจะออกไปเยอะ การบริการจะเกิดผลเสีย ซึ่งไม่คุ้ม”

มาร์คพยักหน้า “ผมจะเริ่มยังไงดี”

“คุณคิดว่าอย่างไรละ”

“ผมคงต้องสร้างความไว้วางใจก่อน”

ผมพยักหน้า “ความไว้วางใจมาจากสองปัจจัย ความสัมพันธ์กับความสามารถ หากเขาดูว่ามนุษยสัมพันธ์คุณดี เขาก็มั่นใจในเรื่องทักษะคนของคุณ หากเขารู้ว่าคุณเก่งเขาก็มั่นใจในการตัดสินใจและการลงมือทำของคุณ

ประวัติเรื่องงานของคุณยอดเยี่ยมอยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นจะต้องพิสูจน์เรื่องความเก่งอีก

เรื่องมนุษยสัมพันธ์คุณเป็นอย่างไรบ้าง ในที่ทำงานก่อน ๆ ของคุณ”

“สองสามเดือนแรก คนมักจะว่าผมมุ่งงานและจริงจัง เขาอาจจะไม่คิดว่าผมแคร์เรื่องคนมากนัก แต่ว่าหลังจากทำงานกับผมซักพัก เขาก็จะตระหนักว่าเรื่องคนผมก็พอใช้ได้”

“ดีมากมาร์ค แทนที่จะรอให้ถึงสองสามเดือนค่อยให้คนเขาเข้าใจวว่าคุณก็แคร์เรื่องคน จะทำอย่างไรให้คนรู้ก่อนแต่เนิ่น ๆ ละ”

เขาคิด นี่คือวิถีใหม่ของเขา เขาพยายามมาก

“ผมอาจจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับพวกเขาให้มากในตอนต้น”

“ดีครับ ทำอย่างไรละ”

“ผมอาจจะต้องใช้เวลาในเดือนแรกรู้จักทีมงาน คู่ค้า ลูกค้า ตลาด คู่แข่ง ผมอาจจะต้องออกไปพบกับพวกเขา แนะนำตัว บอกถึงแผนงาน ประสบการณ์ของผม ราว ๆ นี้แหละ”

“เดี๋ยวก่อน” ผมทำสัญญาณมือขอเวลานอก

“อะไรหรือครับ”

“ครึ่งแรกผมเห็นด้วย แต่ครึ่งหลัง ผมไม่เห็นด้วย คุณลองทบทวนสิ่งที่คุณบอกเมื่อสักครู่ดูซี”

เขาคิด แล้วก็หัวเราะ “อ้อ ผมผิดเอง ผมบอกว่าจะไปเรียนรู้จากเขา แต่ดันจะไปพูดและบอกเรื่องของตัวเอง ที่จริงหากจะรู้จักเขาให้มากขึ้น ต้องออกไปฟังพวกเขาใช่ไหมครับ เข้าใจแล้วครับ”

ผมยิ้ม “นี่คือแนวทางคำถามที่จะไปรู้จักเขาแต่ละคน แต่ละคนมีภูมิหลังอย่างไร ถนัดให้สื่อสารแบบไหน ค่านิยมส่วนตัว จุดแข็ง จุดอ่อน สไตล์การทำงาน ครอบครัว และงานอดิเรก คืออะไร

หลังจากนั้น อาจจะถามคนที่รายงานตรงของคุณว่า

  1. ความท้าทายขององค์กรในตอนนี้ และในอนาคตอันใกล้ คืออะไร
  2. เพราะอะไรเราจึงเผชิญความท้าทายนั้น ๆ
  3. โอกาสส่วนไหนที่มองข้าม
  4. จะทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากโอกาสเหล่านั้น
  5. หากคุณเป็นซีอีโอคุณจะมุ่งเรื่องไหนก่อน”