กลยุทธ์คนเงียบโน้มน้าวใจ

บทนำ:

ปัจจุบันความรู้เป็นสิ่งสำคัญ และทักษะการสื่อสารโน้มน้าวใจก็เป็นคุณสมบัติที่สำคัญเช่นกัน 

หลายคนมักเข้าใจว่าคนสื่อสารโน้มน้าวเก่งต้องพูดเก่ง แต่ความจริงแล้ว คนที่พูดเยอะอาจไม่ได้โน้มน้าวใจเสมอไป คนไทยส่วนใหญ่ไม่ใช่คนพูดเก่ง จึงอาจรู้สึกกังวลกับทักษะการสื่อสารโน้มน้าวใจของตน

เนื้อหา:

จากประสบการณ์ของผู้เขียน พบว่าคนที่พูดน้อยแต่โน้มน้าวใจได้ยอดเยี่ยมนั้น ใช้เทคนิคต่าง ๆ ดังนี้

1. ก่อนพบใคร ทำการบ้าน ศึกษาเรื่องของเขา

การทำความรู้จักคู่สนทนาก่อน จะช่วยให้เข้าใจความสนใจ ความต้องการของเขา และสามารถเชื่อมโยงสิ่งที่เราต้องการจะสื่อสารให้ตรงจุดมากขึ้น ตัวอย่างเช่น หากเราต้องการขอความร่วมมือจากหัวหน้างานในเรื่องงานใหม่ เราควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับงานนั้นอย่างละเอียดก่อน เพื่ออธิบายให้หัวหน้างานเข้าใจถึงประโยชน์ของงานใหม่ที่มีต่อบริษัท

2. ใช้ความช่างสังเกต ศึกษาแต่ละคนเมื่อพบกัน

การสังเกตคู่สนทนาขณะสนทนาจะช่วยให้เข้าใจว่าเขามีอารมณ์ ทัศนคติ และจริตในการรับสารอย่างไร และสามารถปรับวิธีการสื่อสารให้เหมาะสมกับแต่ละคน ตัวอย่างเช่น หากคู่สนทนามีท่าทีไม่สนใจสิ่งที่เราพูด เราอาจเปลี่ยนหัวข้อสนทนาหรือใช้วิธีการสื่อสารที่กระชับขึ้น

3. ตั้งคำถามเปิด ที่ทำให้คนให้ข้อมูลได้เยอะ

การตั้งคำถามเปิดเป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นให้คู่สนทนามีส่วนร่วมในการสนทนา และช่วยให้เรารวบรวมข้อมูลที่จำเป็นมากขึ้น ตัวอย่างเช่น หากเราต้องการขอความเห็นจากลูกค้าเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของเรา เราอาจถามคำถามเช่น “คุณคิดว่าสินค้าของเรามีจุดเด่นอะไรบ้าง” หรือ “คุณอยากให้เราปรับปรุงสินค้าอย่างไรบ้าง”

4. ฟังอย่างตั้งใจเป็นเสน่ห์ของคนเงียบ ๆ

การฟังอย่างตั้งใจเป็นการแสดงออกถึงความใส่ใจและเคารพคู่สนทนา ช่วยให้คู่สนทนารู้สึกสบายใจและเปิดใจรับฟังสิ่งที่เราพูดมากขึ้น ตัวอย่างเช่น หากคู่สนทนากำลังเล่าเรื่องอะไรบางอย่าง เราควรตั้งใจฟังโดยไม่ขัดจังหวะ และอาจใช้คำถามเพื่อกระตุ้นให้เขาเล่าต่อ

5. พูดน้อยแต่เลือกพูดถูกจังหวะ ดีกว่าคนพูดมาก

การพูดน้อยแต่เลือกพูดถูกจังหวะ จะช่วยให้สิ่งที่เราพูดมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมากกว่าการพูดมาก แต่ไม่มีสาระ ตัวอย่างเช่น หากเราต้องการเสนอความคิดเห็นในการประชุม เราควรเตรียมตัวให้ดีก่อน และพูดเฉพาะประเด็นที่สำคัญเท่านั้น

6. ใช้ผลงานเป็นเลิศพูด เสียงดังกว่าใช้เพียงลมปาก

ผลงานที่ดีเป็นสิ่งพิสูจน์ความสามารถของเราได้ดีที่สุด มากกว่าการพูดโน้มน้าวเพียงอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น หากเราต้องการเลื่อนตำแหน่ง เราควรทำงานให้หนักและสร้างผลงานที่โดดเด่น เพื่อให้หัวหน้างานเห็นถึงความสามารถของเรา

บทสรุป:

แทนที่จะพยายามฝึกพูดให้เก่งเพียงอย่างเดียว เราควรกลับมาที่การทำงานให้เก่ง และผนวกเข้ากับกลยุทธ์ทั้งเจ็ดข้อนี้ จะช่วยให้เราโน้มน้าวใจคนอื่นๆ ได้ดีขึ้น

ตัวอย่างเพิ่มเติม:

ตัวอย่างที่ 1:

สมมติว่าเราต้องการขายสินค้าให้กับลูกค้า เราควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและลูกค้าให้ดีก่อน เพื่อสามารถตอบคำถามของลูกค้าได้อย่างมั่นใจ หากลูกค้าถามถึงคุณสมบัติของสินค้า เราก็ควรอธิบายให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย นอกจากนี้ เราควรตั้งคำถามเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการสนทนา เช่น “คุณคิดว่าสินค้านี้เหมาะกับคุณอย่างไร” หรือ “คุณมีความต้องการอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับสินค้านี้บ้าง”

ตัวอย่างที่ 2:

สมมติว่าเราต้องการขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงาน เราควรอธิบายถึงเหตุผลและความจำเป็นที่เราต้องการความช่วยเหลือนั้นอย่างชัดเจน เพื่อให้เพื่อนร่วมงานเข้าใจและเห็นอกเห็นใจเรา นอกจากนี้ เราควรแสดงความขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่เพื่อนร่วมงานมอบให้เรา

ตัวอย่างที่ 3:

สมมติว่าเราต้องการนำเสนอผลงานต่อผู้บริหาร เราควรเตรียมตัวให้ดีก่อนการนำเสนอ ทั้งเรื่องเนื้อหา รูปลักษณ์ และการฝึกซ้อมการนำเสนอ นอกจากนี้ เราควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริหารและบริษัท เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงผลงานของเรากับเป้าหมายของบริษัท