“เป็นอย่างไรครับ” ผมถามคุณศิริ เรื่องการนำเทคนิคการโค้ชโดยใช้คำถามที่เรียนจากการพบกันสองสัปดาห์ก่อนไปทดลองใช้กับทีมงาน”
“ลองแล้วครับ เทคนิคนี้ไม่ง่ายเลย”
“เราลองฝึกอีกครั้งนะครับ”
เขาพยักหน้า
“ถ้างั้น ผมอยากให้คุณโค้ชผมให้เป็นนักเขียนที่เก่งมากคนหนึ่ง”
“ได้ครับ”
“ก่อนเริ่ม คุณศิริช่วยสรุปประเด็นการเรียนรู้คราวก่อนหน่อยครับ” ครั้งก่อนเราจำลองสถานการณ์ โดยผมเป็นโค้ชชี่ ต้องการให้คุณศิริโค้ชผมให้สามารถคิดหาพล๊อตเรื่องใหม่ ๆ มาเขียนในคอลัมน์
“ครั้งก่อน สิ่งทำได้ดี และที่ควรปรับปรุง คืออะไรครับ”
“ผมทำได้ดีช่วงสองสามนาทีแรกโดยมุ่งความสนใจไปที่การถามคำถาม ช่วยให้คุณเข้าใจความต้องการ และสถานการณ์ดีขึ้น และคิดไอเดียใหม่ ๆ ด้วยตนเอง
สิ่งที่ต้องปรับปรุงคือ ผมพยายามบอกคำตอบผม แทนที่จะช่วยให้คุณคิดหาด้วยตนเอง”
“ดีมากครับ สิ่งดีคงไว้ สิ่งไม่ดีระวังไม่ทำซ้ำ”
คุณศิริพยักหน้า
“ครั้งนี้ผมอยากให้คุณโค้ช ให้ผมเป็นนักเขียนคอลัมน์ธุรกิจชั้นเลิศ คุณจะแนะนำอย่างไร”
“คุณเกรียงศักดิ์ คุณมีประสบการณ์การเขียนมากว่า 11 ปี ผมไม่สามารถบอกคุณได้ว่าคุณควรทำอย่างไร แต่ผมสามารถช่วยให้คุณคิดด้วยตนเอง จะดีใหมหากผมจะใช้คำถามในการช่วยอำนวยความคิดของคุณ”
“โอเค”
“นิยามของ นักเขียนคอลัมน์ธุรกิจชั้นเลิศ คืออะไรครับ”
“สามารถเขียนบทความที่น่าสนใจอย่างสม่ำเสมอ วัดง่าย ๆ สองอย่าง คือ ถูกส่งเวียนต่อ ๆ กันไปให้ผู้อื่น และมีผู้อ่านส่งอีเมล์มาชื่นชมสองสามฉบับ”
“กรุณายกตัวอย่างบทความที่ได้รับการตอบรับดี ๆให้ฟังหน่อยครับ”
“บทความเมื่อเร็ว ๆ นี้ เรื่อง ผลตอบแทนจากการลงทุนจากการโค้ช”
“อ้อ ผมจำได้ แล้วคุณได้พล๊อตเรื่องนี้มาจากไหน” ศิริถาม
“ผมได้แรงบันดาลใจจากคำถามของผู้บริหารท่านหนึ่งที่เป็นโค้ชชี่ของผม ระหว่างการโค้ช เขาถามว่า เขาจะทราบได้อย่างไรว่าการโค้ชชิ่งนั้นคุ้มค่าการลงทุนและความพยายามของเขา ผมเองก็ไม่มีคำตอบให้ในขณะนั้น
ระหว่างขับรถกลับบ้านผมนั่งคิดไป จนนึกถึงตัวอย่างหนึ่งได้ ผมนำเรื่องนั้นมาใส่รายละเอียดเพิ่มเพื่อให้เกิดความน่าสนใจมากขึ้น นี่แหละครับ คือที่มา”
“น่าสนใจมาก
คุณเกรียงศักดิ์คิดว่ามีวิธีไหนบ้าง ที่จะทำให้คุณเขียนเก่งได้”
ผมออกความคิดเห็นออกไปมากมาย แม้บางไอเดียอาจจะฟุ้งซ่านไปบ้าง แต่คุณศิริก็ฟังอย่างตั้งใจ ผ่านไปสักครู่ผมก็เริ่มตัน
ผมหยุดคิดแล้วหันมาถามคุณศิริว่า “มีวิธีไหนอีกที่พอจะแนะนำผมไหมครับ”
“ไม่ทราบครับ คุณเองก็คิดจากทุกมุมแล้ว” เขาจำนนอย่างไม่เสแสร้ง
ผมตระหนักว่าคุณศิริเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงนั่งคิดเองต่อไปว่าทางออกอื่นน่าจะมีอะไรอีก แล้วผมก็จุดประกายไอเดียใหม่ขึ้นมา
“คอลัมน์ที่ดี มักเกิดจากคำถามยาก ๆ คุณคิดอย่างไรถ้าผมจะรวบรวมคนช่างคิดสัก 5-6 ท่านที่ผมชื่นชมการวิเคราะห์ของพวกเขา จากนั้นทุกสัปดาห์ผมจะอีเมล์เพื่อถามว่ามี คำถามยาก ๆ สำหรับเดอะโค้ช หรือไม่ แล้วผมก็จะได้รับ 5-6 คำถามต่อสัปดาห์ จากจุดนี้ผมสามารถเลือกหนึ่งหรือสองคำถามมาเป็นคอลัมน์ได้”
ผมตื่นเต้นกับไอเดียนี้มาก นี่เป็นไอเดียดี ๆ ที่ได้จากการจำลองสถานการณ์ ที่เกินความคาดหวังของผมอย่างมาก
คุณศิริทึ่งกับเหตุการณ์นี้ เขาดูตื้นตันใจและถามผมว่า “คุณคิดออกได้อย่างไรทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้ช่วยคุณเลย”
“ผิดแล้วครับ คุณช่วยอย่างมากเมื่อพูดว่า ผมไม่รู้ การพูดแบบนี้ ผลักความเป็นเจ้าของในการหาทางออกกลับมาให้แก่ผม เมื่อคุณยอมจำนนแบบนั้น มันกระตุ้นให้ผมพยายามคิดด้วยตนเองมากขึ้น
จากนั้นผมย้อนกลับไปคิดว่าคอลัมน์ดี ๆ มักเกิดจากคำถามยาก ๆ ของโค้ชชี่ ผมจึงคิดว่าถ้าผมสามารถรวบรวมกลุ่มผู้บริหารที่มักตั้งคำถามยาก ๆ ได้ ผมก็จะมีเรื่องจุดประกายในการเขียนคอลัมน์ที่ยอดเยี่ยมได้อย่างสม่ำเสมอ”
“ถ้าเช่นนั้น การพูดว่า ผมไม่รู้ กับทีมงานที่มาถามหาทางออกเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับงานของเขา พวกเขาก็จะมีความเป็นเจ้าของในการคิดทางออกให้แก่ปัญหาของตนเองมากขึ้น ว้าว เยี่ยมไปเลย” คุณศิริสรุป