1. ใน High Performance Organization (HPO) การทำงานแบบ Collaboration คืออะไร
2. การทำงานแบบ Collaboration ใน HPO มีความสำคัญอย่างไร
3. ปัญหาและอุปสรรคอะไรทำให้พนักงานไม่ Collaboration กันเท่าที่ควร
4. เราจะพัฒนาให้คนทำงานมี Collaboration ให้มากขึ้นได้อย่างไร
5. เราควรมีโครงสร้างองค์กรแบบใดที่เกื้อหนุนต่อการทำงานแบบ Collaboration
6. สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการสร้าง Collaboration ที่ดีในองค์กรคืออะไรบ้าง
7. วัฒนธรรมองค์กรแบบใดที่เกื้อหนุนต่อการทำงานแบบ Collaboration
8. มีตัวอย่างองค์กรใดบ้าง ที่ทำงานแบบ Collaboration ได้ยอดเยี่ยม
9. อะไรคือกระดุมเม็ดแรกในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ Collaboration มากที่สุด
10. สัญญาณอะไรจะบอกว่าองค์กรคุณมีระดับ Collaboration ที่เป็นปัญหา / สัญญาณอะไรจะบอกว่ามีระดับ Collaboration ที่ดี / Checklists ง่าย ๆ ที่จะช่วยให้ประเมินทีมงานเราว่ามี Collaboration ที่ดีเป็นอย่างไร
1. การทำงานแบบ Collaboration คืออะไร
Collaboration หรือการทำงานร่วมกัน คือกระบวนการที่หลายคนหรือหลายทีมร่วมมือกันเพื่อทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายหรือแก้ปัญหา ใน HPO การทำงานแบบ Collaboration เป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ
2. การทำงานแบบ Collaboration มีความสำคัญอย่างไร
1. เพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของงาน: การรวมความคิดเห็นและทักษะจากหลายคนนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
2. สร้างวัฒนธรรมที่ดี: การทำงานร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นและความเคารพในทีม
3. เรียนรู้และพัฒนา: การแลกเปลี่ยนความรู้และทักษะจะเป็นการเรียนรู้และพัฒนาทั้งระดับบุคคลและองค์กร
3. ปัญหาและอุปสรรคอะไรทำให้พนักงานไม่ Collaboration กันเท่าที่ควร
1. ขาดการสื่อสารที่ชัดเจน: ถ้าไม่มีการสื่อสารที่ดี การทำงานร่วมกันจะยาก
2. ความไม่เชื่อมั่น: ความไม่เชื่อมั่นในคนอื่นหรือในกระบวนการอาจทำให้การทำงานร่วมกันล้มเหลว
3. การแข่งขันแทนการร่วมมือ: วัฒนธรรมที่ส่งเสริมการแข่งขันมากกว่าการร่วมมือ
4. ทัศนคติการทำงานแบบ Silo หรือแยกส่วน โดยยึดกรอบของหน่วยงาน
5. วัฒนธรรมองค์กรไม่เอื้อ
4. เราจะพัฒนาให้คนทำงานมี Collaboration ให้มากขึ้นได้อย่างไร
1. ผู้นำทีมทุกคนต้องเข้าใจและตกลงกันว่าเป็นเรื่องสำคัญ
2. ผู้นำทีม ทำตัวเป็นแบบอย่างทั้งต่อหน้าและลับหลัง
3. สร้างวิสัยทัศน์และเป้าหมายร่วม: ให้ทุกคนเข้าใจและยอมรับวิสัยทัศน์และเป้าหมาย
4. การสื่อสารที่ดี: ใช้เครื่องมือและช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสม
5. Feedback สิ่งที่ดีและควรปรับปรุง: สร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้างต่อข้อติชมและการปรับปรุง
5. เราควรมีโครงสร้างองค์กรแบบใดที่เกื้อหนุนต่อการทำงานแบบ Collaboration
โครงสร้างที่ส่งเสริม Collaboration มาก ดังนี้:
1. Flat Organization (องค์กรแบบแนวนอน): โครงสร้างนี้มีจำนวนชั้นของผู้บริหารที่น้อย ทำให้การสื่อสารและการตัดสินใจเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
2. Matrix Organization (องค์กรแบบเมทริกซ์): พนักงานมีหลายบอส หรือมีหน้าที่ในหลายโครงการ ซึ่งส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายหรือแผนก
3. Team-based Organization (องค์กรที่อาศัยทีมงาน): โครงสร้างนี้เน้นการสร้างทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในหลายด้าน และทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมาย
4. Network Organization (องค์กรแบบเครือข่าย): องค์กรมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับผู้ค้า คู่ค้า หรือองค์กรอื่น ๆ ทำให้มีการแลกเปลี่ยนและทำงานร่วมกัน
5. Holacracy: โครงสร้างนี้เน้นการมอบหมายอำนาจและความรับผิดชอบไปยังทีมหรือบุคคล ทำให้การตัดสินใจและการทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างรวดเร็ว
6. สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการสร้าง Collaboration ที่ดีในองค์กรคืออะไรบ้าง
1. วัฒนธรรมองค์กร: โครงสร้างองค์กรเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ วัฒนธรรมขององค์กรที่เน้นการทำงานร่วมกันจะเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน
2. เครื่องมือและเทคโนโลยี: การใช้เครื่องมือที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน เช่น ซอฟต์แวร์สำหรับการจัดการโครงการ หรือแพลตฟอร์มสำหรับการสื่อสาร
7. วัฒนธรรมองค์กรแบบใดที่เกื้อหนุนต่อการทำงานแบบ Collaboration
วัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการทำงานแบบ Collaboration มักจะมีลักษณะดังนี้:
1. ความเปิดกว้างและโปร่งใส
– การแชร์ข้อมูลและความคิดเห็นเป็นสิ่งที่ถูกส่งเสริม
– ไม่มีการซ่อนเร้นหรือการเก็บข้อมูลเป็นความลับภายในองค์กร
2. ความเชื่อมั่นและความเคารพ
– คนในองค์กรเชื่อมั่นและเคารพกันและกัน
– มีการสร้างความเชื่อมั่นผ่านการสื่อสารที่ดีและการให้ข้อติชมที่สร้างสรรค์
3. การยอมรับความแตกต่าง
– ความหลากหลายทั้งในด้านความคิดและทักษะถูกยอมรับและเห็นว่าเป็นจุดแข็ง
– ไม่มีการแบ่งแยกหรือการเลือกปฏิบัติ
4. การมีเป้าหมายร่วม
– ทุกคนในองค์กรเข้าใจและทำงานเพื่อเป้าหมายร่วมที่ชัดเจน
– มีความรับผิดชอบและความมุ่งมั่นที่ร่วมกัน
5. การส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนา
– มีการส่งเสริมการเรียนรู้และการแบ่งปันความรู้
– การล้มเหลวถือเป็นโอกาสในการเรียนรู้และปรับปรุง
6. การให้และรับข้อติชม
– มีการให้และรับข้อติชมในทิศทางที่สร้างสรรค์และเป็นกลาง
7. การใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือ
– การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกันและการสื่อสาร
8. มีตัวอย่างองค์กรใดบ้างที่ทำงานแบบ Collaboration ได้ยอดเยี่ยม
มีหลายองค์กรที่ได้รับการยกย่องว่าทำงานแบบ Collaboration ได้ยอดเยี่ยม ดังนี้:
1. Google
– Google สร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกันผ่านการใช้เครื่องมือออนไลน์และการมีการประชุมที่เปิดกว้าง
– มีโครงการ “20% time” ที่ให้พนักงานใช้เวลา 20% ของเวลาทำงานของตนเพื่อทำโครงการที่ตนเองสนใจ
2. Pixar
– มีห้องประชุมและพื้นที่สาธารณะที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
– การรีวิวงานในรูปแบบ “Braintrust” ที่ทำให้ทุกคนสามารถให้ข้อเสนอแนะและข้อติชม
3. Spotify
– ใช้โครงสร้างที่เรียกว่า “Squads, Tribes, Chapters, and Guilds” เพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันและการแลกเปลี่ยนความรู้
– มีการจัดการประสบการณ์และการเรียนรู้ร่วมกันในทีม
4. Atlassian
– ใช้เครื่องมือออนไลน์เช่น Jira และ Confluence ในการส่งเสริมการทำงานร่วมกัน
– มี “ShipIt Days” ที่พนักงานสามารถหยุดงานปกติและทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสิ่งใหม่ ๆ
5. Salesforce
– ใช้แพลตฟอร์ม Chatter สำหรับการสื่อสารและการแชร์ข้อมูล
– มีโปรแกรม “V2MOM” (Vision, Values, Methods, Obstacles, Measures) ที่ช่วยในการสร้างเป้าหมายร่วมและการทำงานร่วมกัน
9. อะไรคือกระดุมเม็ดแรกในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ Collaboration มากที่สุด
การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการทำงานแบบ Collaboration นั้นเริ่มต้นจาก “การสร้างความเชื่อมั่นและความเปิดใจ” ในทีมงานและผู้บริหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรก ดังนี้:
1. การสร้างวิสัยทัศน์และเป้าหมายร่วม
– ผู้บริหารและทีมงานต้องมีวิสัยทัศน์และเป้าหมายร่วมที่ชัดเจน และทุกคนต้องเข้าใจและยอมรับวิสัยทัศน์นั้น
2. การสื่อสารที่เปิดเผยและโปร่งใส
– ให้ข้อมูลและแผนการทำงานเป็นที่รู้จักและเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นผ่านการประชุมหรือเครื่องมือออนไลน์
3. การให้และรับข้อติชม
– สร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้างต่อข้อติชมและการปรับปรุง และให้มีการขอและให้ข้อติชมในทิศทางที่สร้างสรรค์
4. การยืนยันและเฉลิมฉลอง
– ให้ความสำคัญและยืนยันความสำเร็จและความพยายามในการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นผ่านการเฉลิมฉลองหรือรางวัล
5. การสร้าง “Quick Wins”
– มีโครงการหรืองานที่ทำและสำเร็จได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจในทีม
10. สัญญาณอะไรจะบอกว่าองค์กรคุณมีระดับ Collaboration ที่เป็นปัญหา / สัญญาณอะไรจะบอกว่ามีระดับ Collaboration ที่ดี / Checklists ง่ายๆที่จะช่วยให้ประเมินทีมงานเราว่ามี Collaboration ที่ดีเป็นอย่างไร
สัญญาณที่บอกว่าองค์กรมีระดับ Collaboration ที่เป็นปัญหา
1. ขาดการสื่อสาร: ข้อมูลไม่ถูกแชร์อย่างเปิดเผยหรือถูกซ่อนเร้น
2. การแข่งขันภายใน: มีการแข่งขันระหว่างบุคคลหรือทีมงานแทนที่จะร่วมมือกัน
3. ขาดความเชื่อมั่น: คนในทีมไม่เชื่อถือหรือเคารพกัน
4. ความไม่ชัดเจนของเป้าหมาย: ไม่มีเป้าหมายร่วมหรือวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน
5. การตัดสินใจแบบเดียวดาย: การตัดสินใจมักจะเป็นไปโดยไม่มีการสนทนาหรือขอความคิดเห็น
สัญญาณที่บอกว่าองค์กรมีระดับ Collaboration ที่ดี
1. การสื่อสารที่เปิดเผย: ข้อมูลและความคิดเห็นถูกแชร์อย่างเปิดเผยและถูกยอมรับ
2. ความเชื่อมั่นและความเคารพ: คนในทีมเชื่อถือและเคารพกัน
3. เป้าหมายร่วม: มีเป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและถูกยอมรับโดยทุกคน
4. การแบ่งปันความรู้: คนในทีมมักจะแบ่งปันความรู้และทักษะ
5. การเป็นทีม: คนในทีมรู้จักความสามารถและจุดอ่อนของกันและกัน และร่วมมือกันในการทำงาน
Checklists สำหรับประเมินระดับ Collaboration
1. เป้าหมายร่วม: ทุกคนในทีมเข้าใจและยอมรับเป้าหมายร่วมหรือไม่?
2. การสื่อสาร: มีช่องทางการสื่อสารที่เปิดเผยและถูกใช้บ่อยหรือไม่?
3. ความเชื่อมั่น: คนในทีมมีความเชื่อมั่นในกันและกันหรือไม่?
4. การแบ่งปันความรู้: คนในทีมมักจะแบ่งปันความรู้และทักษะหรือไม่?
5. ข้อติชมและข้อเสนอแนะ: มีการให้และรับข้อติชมในทิศทางที่สร้างสรรค์หรือไม่?
สุดท้าย:
ตัวอย่างของ Collaboration ที่ดีที่คนไทยสามารถเห็นเป็นรูปธรรม
คือ การทำงานเป็นทีมของ วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยครับ