Critical Thinking การมองหลากหลายมุมมอง

จากแหล่งที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=6OLPL5p0fMg 

ได้นิยามคำว่า Critical Thinking คือ

การคิดเชิงวิจารณญาณ ซึ่งหมายถึงการคิดที่มีมิติหลากหลาย 

ด้วยความเฉลียวฉลาด  ซึ่งคุณต้องใช้การกลั่นกรอง 

ไตร่ตรอง  พินิจพิเคราะห์  ข้อมูลต่าง ๆ  

รวมทั้งตรวจสอบการคิดของตัวเราอย่างมีระบบด้วย

เมื่อเราจะใช้วิจารณญาณในการมองเรื่องใด

เราควรมองให้รอบด้านหลากหลายมุมมอง 

อย่ามองเพียงด้านใดด้านเดียว 

เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วมันมักจะมีมากกว่าหนึ่งมุมมองเสมอ

ตัวอย่างเช่น

1. การมองแบบข้อดีข้อเสีย

“เราควรจะซื้อรถมาขับไปทำงานหรือนั่งรถสาธารณะไปทำงานดี”

แล้วแต่กรณี การมีรถขับมาทำงานมีข้อดีคือสะดวก และรวดเร็ว ข้อเสียคือค่าใช้จ่ายสูง การใช้รถสาธารณะมีข้อดีคือประหยัด แต่ข้อเสียคือไม่สะดวกและใช้เวลาเดินทางนาน

2. มองแบบ 3 Scenarios ดีสุด แย่สุด กลาง ๆ (Best-Case scenario, Worst-Case scenario, Base-Case scenario)

“คุณคิดว่าสภาพเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะเป็นอย่างไร”

อาจจะดีสุด ๆ เลยถ้าเศรษฐกิจโลกดีและการเมืองนิ่ง อาจจะพอไปได้ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ อาจจะแย่มากเลยหากเศรษฐกิจโลกแย่และการเมืองภายในปั่นป่วนสุด ๆ

3. การมองจากมุมมองของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่หลากหลาย

“ซีอีโอคนนี้เป็นอย่างไร” 

ผู้ถือหุ้นอาจจะมองว่าเป็นคนดีมากเลยเพราะทำกำไรสูงสุด พนักงานอาจจะบอกว่าเขี้ยวเรื่องการควบคุมค่าใช้จ่ายมาก หากไปถามคู่ค้าก็จะมีสองกลุ่มคือคู่ค้ารายใหญ่บอกว่าดีให้ผลประโยชน์เหมาะสม คู่ค้ารายกลางบอกว่าหยิ่งไม่ยอมคุยด้วยให้แต่ผู้บริหารระดับกลางมาคุย

4. การมองแบบเงื่อนเวลา อดีต ปัจจุบัน อนาคต

“การเป็นเกย์มีผลดีผลเสียอย่างไร”

ในอดีตอาจจะถูกรังเกียจเพราะสังคมมองว่าผิดปกติทางจิต ปัจจุบันบอกว่าปกติขนาดซีอีโอแอปเปิ้ลก็เป็น ในอนาคตอาจจะมองว่าดีก็ได้สมมติว่าประชากรส่วนใหญ่เป็นเกย์ดังนั้นกลายเป็นว่าคนที่ไม่เป็นเกย์อาจจะเป็นพวกผิดปกติเพราะเป็นคนกลุ่มน้อย

5. การมองโดยการสังเคราะห์จากปัจจัยสำคัญ

“เรามองว่าอนาคตประเทศไทยจะเป็นอย่างไร”

เราอาจจะพอประเมินได้โดยพิจารณาจาก แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รัฐธรรมนูญใหม่ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 แล้วนำมาสังเคราะห์ให้ออกมาเป็นทิศทางในความเห็นของเรา