ผมเป็นโค้ชผู้บริหารรายบุคคล หรือ Executive Coach มากว่า 20 ปี มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเรื่อง Coaching หลาย ๆ เรื่อง ซึ่งผมอยากแชร์มุมมองของผมดังนี้ครับ
1. Coaching คือการบอกหรือการสั่ง
เป็นประเด็นที่เข้าใจผิดมากที่สุดเกี่ยวกับการโค้ชด้านธุรกิจหรือเรื่องส่วนตัว ถ้าการบอกหรือสั่งได้ผลดี ทำไมคนจึงไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเราบอกเขา เราทุกคนมีความเป็นเอกลักษณ์ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ งานวิจัยหลายชิ้นเปิดเผยว่าเซลล์สมองของเราทุกคนถักทอแตกต่างกัน ดังนั้นการทึกทักว่าอะไรที่เวิร์คกับเราจะเวิร์คกับผู้อื่นด้วยนั้นเป็นความเข้าใจผิดของผู้นำจำนวนมาก การถามเพื่ออำนวยความคิดให้พวกเขาหาทางออกเองนั้นดีกว่า เพราะเขาจะตระหนักรู้ และรับผิดชอบมากกว่า
การโค้ชตัวต่อตัวเป็นการทำงานร่วมกันเพื่อเปิดรับมุมมองในเรื่องที่ตกลงกันใว้แล้ว โค้ชอำนวยการสนทนาโดยใช้แนวทางต่าง ๆ เช่น การถาม เล่าเรื่อง ให้ข้อมูลย้อนกลับ และให้ความคิดเห็น
2. โค้ช (ดะ) ในทุก ๆ สถานการณ์
การโค้ชใช้ได้ผลดีที่สุดเมื่อคุณต้องการให้ผู้อื่นคิดหาทางที่ต้องใช้วิจารณญาณได้ด้วยตนเอง การโค้ชชิ่งนั้นอาจจะไม่เหมาะถ้ามี ข้อมูล กฎ หรือนโยบายที่ตายตัวต่าง ๆ เช่น วิสัยทัศน์ กลยุทธ์และค่านิยมขององค์กร
3. ไม่มีเวลาพอสำหรับ Coaching
ถ้าคุณโค้ชผู้อื่นอย่างสม่ำเสมอ คุณจะมีเวลาเพียงพอในการทำภารกิจอื่น ๆ ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณไม่ให้เวลาและไม่พยายามที่จะโค้ชพวกเขา คุณก็ต้องมาทำงานของพวกเขาเอง นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมคุณจึงไม่มีเวลา
4. คนที่ประสบความสำเร็จไม่ต้องการโค้ช
คนที่ประสบความสำเร็จมักจะอยู่ในวงจรที่ไต่ลำดับในองค์กร เมื่อเริ่มต้นงานใหม่ ต้องเรียนรู้ แล้วลงมือทำงาน และเมื่อสร้างผลงานทำให้ได้ดีมาก ๆ ก็ได้ก้าวหน้าต่อไปในตำแหน่งใหม่ ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าใด งานจะต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทางน้อยลง แต่ต้องรู้เรื่องคนมากขึ้น ต้องเก่งเรื่องการโน้มน้าวคน คุณสามารถเรียนรู้ทักษะนี้ได้เมื่อทำงานร่วมกับผู้อื่น แต่ถ้ามีโค้ชก็จะสามารถลดเวลาและความพยายามที่ใช้ในการปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ คนที่ประสบความสำเร็จสามารถเรียนรู้จากโค้ชได้อย่างรวดเร็ว เพราะโค้ชสามารถให้สิ่งที่สำคัญมากที่สุดนั่นก็คือการให้ข้อมูลย้อนกลับนั่นเอง
5. Coaching เห็นผลช้า
ถ้าคุณบอกให้ผู้อื่นทำในสิ่งที่พวกเขาไม่เห็นด้วย เขาก็อาจทำโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งหนึ่ง แม้รู้ว่าการใช้ความพยายามเต็มร้อยก็อาจไม่สามารถทำงานตามแผนที่วางใว้ได้ แต่ถ้าคุณช่วยให้ผู้อื่นคิดหาทางออกด้วยตนเอง พวกเขาก็จะมีความเป็นเจ้าของในเรื่องนั้นมากขึ้น การโค้ชที่ดีใช้เวลาเพียง 5-10 นาที โดยการใช้คำถามที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อทำให้เขาสามารถคิดหาคำตอบเองได้ ความช้าไม่ได้เกิดจากการโค้ช แต่เกิดจากการ “ขาดความเชื่อใจ” เพราะการได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่นนั้นต้องใช้เวลา
6. Coaching ให้ผลลัพธ์เร็ว
ผู้นำหลายท่านที่มีลูกน้องศักยภาพสูงในสาขาที่มีความเชี่ยวชาญ แต่ขาดทักษะการบริหารคน และคิดว่าการมีโค้ชในช่วงสั้นสามสี่เดือนจะช่วยเปลี่ยนลูกน้องท่านนี้ได้ กรณีนี้เป็นไปได้น้อยมาก เพราะคนส่วนมากใช้เวลาค่อนข้างนานเพื่อแก้ข้อด้อยจุดนี้ ถ้าคุณอยากสนับสนุนลูกน้องท่านนี้ คุณควรวางแผนให้เขาได้มีพี่เลี้ยงและรับการโค้ช อย่างน้อยสองถึงสามปีล่วงหน้า
7. ทุกคนเปลี่ยนแปลงได้ทุกเรื่องเท่า ๆ กัน
ใคร ๆ ก็เปลี่ยนแปลงตนเองได้ “ถ้าเขาอยากเปลี่ยน” มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเปลี่ยนคนที่ไม่ต้องการเปลี่ยน ใครบ้างที่ต้องการออกกำลังกายสามครั้งต่อสัปดาห์เพื่อสุขภาพ มีสักกี่คนที่ทำได้จริง แต่โค้ชสามารถช่วยได้โดยการโน้มน้าวให้เขาเห็นประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลงนี้ จากนั้นพวกเขาจะสานต่อความเปลี่ยนแปลงนั้นเอง
8. ฉันประสบความสำเร็จได้โดยไม่ต้องมีโค้ช ทำไมทีมฉันจึงต้องมีโค้ช
คนเก่งบางคนสามารถไต่เต้าในองค์กรได้ด้วยตนเอง จึงทึกทักว่าผู้อื่นก็คงคิดริเริ่มเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เหมือนตน ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น และการโค้ชยังช่วยให้คนอื่น ๆ เขาเห็นเส้นทางอาชีพที่ชัดเจนมากขึ้น
9. ซีอีโอไม่ต้องมีโค้ช
เรื่องนี้ไม่จริงอีกต่อไป แม้แต่ซีอีโอบริษัทข้ามชาติชั้นนำจำนวนมากก็มีโค้ช การมีโค้ชไม่ได้หมายความว่าคุณมีปัญหา โลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เราทุกคนต้องการความช่วยเหลือในโลกที่พัฒนารวดเร็วเช่นนี้