1. Leading through ambiguity คืออะไร
2. มีประโยชน์อย่างไร
3. ความแตกต่างระหว่างผู้นำที่ ทำได้ดี และไม่ดี
4. เราจะพัฒนาเรื่องนี้ให้เก่งได้อย่างไร
5. ประสบการณ์อะไรบ้างทำให้เก่งเรื่องนี้
6. การฝึกกิจกรรมอะไรบ้างทำให้เราเก่งขึ้น
1. Leading through ambiguity คืออะไร
การนำทีมฝ่าความคลุมเครือ หรือ Leading through ambiguity เป็นความสามารถที่สำคัญมากในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยความผันผวนและความไม่แน่นอนในปัจจุบัน มันหมายถึงความสามารถในการตัดสินใจและนำทีมไปข้างหน้าแม้จะมีข้อมูลที่ไม่ชัดเจนหรือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
2. มีประโยชน์อย่างไร
ประโยชน์ของการนำทีมผ่านความไม่แน่นอน
– ความยืดหยุ่นและการปรับตัว: ช่วยให้ทีมสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
– การรักษาเสถียรภาพ: ลดความเครียดและความกังวลในทีม เพิ่มความมั่นใจในการทำงาน
– การสร้างนวัตกรรม: ส่งเสริมให้ทีมมองหาวิธีแก้ปัญหาใหม่ ๆ และเปิดรับไอเดียที่หลากหลาย
3. ความแตกต่างระหว่างผู้นำที่ทำได้ดีและไม่ดี
ความแตกต่างระหว่างผู้นำที่ ทำได้ดี และไม่ดี
– ผู้นำที่ทำได้ดี: พวกเขามีความสามารถในการรักษาทิศทางที่ชัดเจน มีความยืดหยุ่น และสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอน
– ผู้นำที่ทำไม่ได้ดี: อาจรู้สึกสับสน ไม่สามารถตัดสินใจได้ และอาจสร้างความไม่มั่นใจให้กับทีม
4. เราจะพัฒนาเรื่องนี้ให้เก่งได้อย่างไร
การพัฒนาความสามารถในการนำทีมผ่านความไม่แน่นอน
– ฝึกการตัดสินใจภายใต้ความไม่แน่นอน: คิดและทดลองหาทางแก้ปัญหาในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
– พัฒนาทักษะการสื่อสาร: สื่อสารอย่างชัดเจนและเป็นประจำกับทีมของคุณ
– สร้างความยืดหยุ่น: ฝึกจัดการกับการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน
5. ประสบการณ์อะไรบ้างทำให้เก่งเรื่องนี้
ประสบการณ์ในการทำงานที่สามารถช่วยพัฒนาศักยภาพในการนำทีมผ่านความไม่แน่นอนนั้นมีหลายด้าน:
– การทำงานในสภาวะวิกฤต: การมีส่วนร่วมในโปรเจ็กต์หรือสถานการณ์วิกฤตที่ต้องแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วทำให้ได้เรียนรู้วิธีการตัดสินใจที่ดีท่ามกลางความไม่แน่นอน
– การทำงานในโครงการที่มีเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน: การเข้าร่วมในโครงการที่มีเป้าหมายที่เปิดกว้างหรือต้องถูกนิยามใหม่ระหว่างทางช่วยพัฒนาความสามารถในการจัดการกับความไม่แน่นอน
– การทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว: การทำงานในอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วหรือการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่ไม่คาดคิด
– การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจระดับสูง: การเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ต้องวางแผนกลยุทธ์และการตัดสินใจที่มีผลกระทบระยะยาว
– การทำงานกับทีมที่หลากหลาย: การทำงานกับผู้คนที่มาจากวัฒนธรรมและพื้นหลังที่หลากหลายสามารถสอนวิธีการมองโลกในมุมมองที่แตกต่างและการจัดการกับความคิดที่ต่างกัน
– การทำงานในบทบาทที่ต้องการการเรียนรู้ตลอดเวลา: อาชีพที่ต้องอัพเดทความรู้อยู่เสมอ เช่น ไอที การตลาดดิจิทัล หรือการวิจัยและพัฒนา
– การเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงองค์กร: การนำโครงการเปลี่ยนแปลงในองค์กรที่ต้องจัดการกับความไม่แน่นอนและความต้านทานจากภายใน
การสะสมประสบการณ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่พัฒนาทักษะการจัดการกับความไม่แน่นอน แต่ยังช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีการสร้างความเชื่อมั่นและความสามัคคีในทีม นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความสามารถในการสร้างวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและสื่อสารให้ทีมเข้าใจ แม้ในขณะที่ยังคงยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
6. การฝึกกิจกรรมอะไรบ้างทำให้เราเก่งขึ้น
การฝึกฝนเพื่อพัฒนาศักยภาพในการนำทีมผ่านความไม่แน่นอนสามารถทำได้หลายวิธี นี่คือกิจกรรมที่คุณสามารถลองดำเนินการเพื่อพัฒนาความสามารถนี้:
– การจำลองสถานการณ์ (Scenario Planning): สร้างสถานการณ์ที่หลากหลายและฝึกตัดสินใจตามข้อมูลที่มี จะช่วยให้คุณเตรียมพร้อมสำหรับการตัดสินใจภายใต้ความไม่แน่นอน
– การเล่นเกมกลยุทธ์: เกมที่ต้องใช้การวางแผนและการตัดสินใจตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น หมากรุกหรือเกมจำลองธุรกิจ
– การฝึกความยืดหยุ่นส่วนบุคคล (Personal Resilience Training): ฝึกการตอบสนองต่อความเครียดและการบริหารความเครียดเพื่อสร้างความยืดหยุ่นส่วนบุคคล
– การทำงานเป็นกลุ่มในโปรเจ็กต์ที่มีความท้าทาย: เข้าร่วมหรือสร้างโปรเจ็กต์ที่ท้าทายซึ่งต้องการการทำงานเป็นทีมและการประสานงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน
– การฝึกฝนการสื่อสารในภาวะวิกฤต: ฝึกสื่อสารภายใต้ความกดดัน เช่น การทำ role-playing เพื่อจำลองสถานการณ์วิกฤตและการตอบสนองต่อมัน
– การสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่ง: มีการเชื่อมต่อกับผู้คนจากหลากหลายอุตสาหกรรมและฟังค์ชันการทำงานเพื่อเรียนรู้วิธีการจัดการกับความไม่แน่นอนในสภาวะต่าง ๆ
– การฝึกการตัดสินใจแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Decision-Making): ฝึกการให้อำนาจแก่สมาชิกในทีมในการตัดสินใจ เพื่อพัฒนาความสามารถในการจัดการกับความไม่แน่นอนในระดับบุคคล
– การฝึกอบรมด้านการจัดการความขัดแย้ง: การเรียนรู้ทักษะในการจัดการกับความขัดแย้งสามารถช่วยให้คุณเข้าใจและนำทีมผ่านสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจนได้ดีขึ้น
– การฝึกการสร้างวิสัยทัศน์และการแบ่งปันวิสัยทัศน์: การมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและการสามารถแบ่งปันและปลูกฝังวิสัยทัศน์นั้นให้กับทีมของคุณ
การฝึกฝนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณเตรียมพร้อมสำหรับการนำทีมผ่านความไม่แน่นอนเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณสามารถประเมินสถานการณ์ได้ดีขึ้นและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาวะที่ท้าทายที่สุด