หนึ่งในความท้าทายสำหรับ Knowledge Workers ที่ทำงานใน High Performance Organizations
คือ การทำงานภายใต้ความคลุมเครือ (Dealing with Ambiguity)
เรามาดูกันว่า
- Dealing with Ambiguity หมายถึงอะไร
- สาเหตุที่ทำให้งานในปัจจุบันมี Ambiguity มากขึ้นมาจากอะไรบ้าง
- เราจะบริหารจัดการงานที่มีลักษณะ Ambiguity ได้อย่างไรบ้าง
- Soft Skills ที่เราใช้ในการจัดการ Ambiguity มีอะไรบ้าง
- คนที่บริหารจัดการ Ambiguity ได้ดีมีลักษณะอย่างไรบ้าง
- อะไรคือสาเหตุที่ทำให้คนส่วนใหญ่บริหารจัดการงานที่มีลักษณะ Ambiguity ได้ไม่ดี เรามีวิธีจัดการแต่ละสาเหตุอย่างไรบ้าง
- Dealing with Ambiguity หมายถึงอะไร:
หมายถึงความสามารถในการทำงานเมื่อต้องเผชิญกับความคลุมเครือและความไม่แน่นอน
โดยเราไม่สามารถค้นหาแนวทางหรือคำตอบจากคู่มือ
หรือเป็นงานที่เราและทีมงานไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
หรือเป็นงานที่เกิดความผันผวนผิดแผน และเป็นเรื่องที่มีความไม่ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
- สาเหตุที่ทำให้งานในปัจจุบันมี Ambiguity มากขึ้นมาจากอะไรบ้าง:
อาจมาจากหลายปัจจัย เช่นสภาวะดินฟ้าอากาศ ภัยธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ หรือแม้แต่ความไม่แน่นอนทางการเมือง นอกจากนี้ยังมีความไม่ชัดเจนในเรื่องของหน้าที่ ความคาดหวัง และผลลัพธ์ที่ต้องการ ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่หลากหลาย
- เราจะบริหารจัดการงานที่มีลักษณะ Ambiguity ได้อย่างไรบ้าง:
การสร้างวัฒนธรรมที่ยอมรับความไม่แน่นอน การสื่อสารที่ชัดเจน และการมีกระบวนการตัดสินใจที่เป็นระบบ
- Soft Skills ที่เราใช้ในการจัดการ Ambiguity มีอะไรบ้าง:
ทักษะการสื่อสาร ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการตัดสินใจ และทักษะการจัดการความเครียด
- คนที่บริหารจัดการ Ambiguity ได้ดีมีลักษณะอย่างไรบ้าง:
คนที่จัดการกับความไม่แน่นอนได้ดีมักจะมีความยืดหยุ่น มีทักษะการสื่อสารที่ดี และมีความสามารถในการตัดสินใจโดยไม่ต้องพึ่งข้อมูลที่ครบถ้วน
- อะไรคือสาเหตุที่ทำให้คนส่วนใหญ่บริหารจัดการงานที่มีลักษณะ Ambiguity ได้ไม่ดี เรามีวิธีจัดการแต่ละสาเหตุอย่างไรบ้าง
สาเหตุที่ทำให้คนส่วนใหญ่บริหารจัดการงานที่มีลักษณะ Ambiguity ได้ไม่ดี
- ขาดทักษะการตัดสินใจ: หลายคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจในการตัดสินใจเมื่อข้อมูลไม่ครบถ้วน
- ความไม่ชัดเจนในการสื่อสาร: ความไม่ชัดเจนในการสื่อสารสามารถทำให้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับความคาดหวังและหน้าที่
- ความขาดแคลนในความยืดหยุ่น: ความไม่สามารถปรับตัวหรือยอมรับการเปลี่ยนแปลง
- ความกลัวความล้มเหลว: ความกลัวที่จะทำผิดหรือไม่ประสบความสำเร็จ
- ขาดการเตรียมตัวและการฝึกฝน: ไม่มีการเตรียมตัวหรือฝึกฝนในการจัดการกับสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอน
วิธีจัดการแต่ละสาเหตุ
- ขาดทักษะการตัดสินใจ:
ฝึกทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลและการประเมินตัวเลือก การใช้เทคนิคการตัดสินใจที่เป็นระบบเช่น Scenario Planning หรือ SWOT Analysis หรือ Decision Matrix สามารถช่วยได้
- ความไม่ชัดเจนในการสื่อสาร:
การสร้างระบบการสื่อสารที่เป็นระบบและชัดเจน รวมถึงการใช้เครื่องมือที่ช่วยในการสื่อสารอย่าง Slack หรือ Microsoft Teams
- ความขาดแคลนในความยืดหยุ่น:
ฝึกในการปรับตัวและยอมรับการเปลี่ยนแปลง การมี Growth Mindset ที่เปิดกว้างและยินดีเรียนรู้จากการล้มเหลว
- ความกลัวความล้มเหลว:
เปลี่ยนความเชื่อให้ไม่กลัวความล้มเหลว
ให้เป็นการเชื่อว่า ล้มก่อน ล้มเร็ว ล้มราคาถูก (Fail first, Fail fast, Fail cheap)
- ขาดการเตรียมตัวและการฝึกฝน:
พยายามหาประสบการณ์ในงานที่ต้องเผชิญความไม่ชัดเจน เช่น
การทำงานในต่างประเทศ
การทำงานกับโครงการที่ไม่มีกรอบและแนวทางมาก่อน
การทำงานโครงการออกสินค้าใหม่
การทำงานโครงการที่เราไม่มีความรู้และประสบการณ์มาก่อนเลย
การสลับหมุนเวียนเปลี่ยนบทบาทไปทำงานในบทบาทที่เราไม่ถนัด
การทำงานภายใต้ความคลุมเครือ เป็นทักษะสำคัญสำหรับปัจจุบันและอนาคต
การมีทัศนคติที่ถูกต้องพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงจะทำให้เราเริ่มต้นพัฒนาตัวเองได้เร็วขึ้นครับ