The first man to use abusive language instead of his fists was the founder of civilization.
– Sigmund Freud
“มนุษย์คนแรกที่ใช้ภาษาทำร้ายคนอื่นแทนที่จะใช้กำลัง คือบิดาของความศิวิไลซ์”
คำพูดนี้ของซิกมันด์ ฟรอยด์ น่าคิดมาก
นัยก็คือ คำพูดที่เราใช้ในการพูดด่าทอคนอื่น มันเทียบเท่ากับการชกต่อยคนอื่น
ซึ่งน่าจะอนุมานได้ว่า คำพูดเชิงลบก็คล้ายการ “แอบด่า”
ในที่ทำงาน เราจะเห็นหัวหน้าบางคนใช้คำพูดในเชิงลบ…
ตำหนิเรื่องงาน หรือ เสียดสีผลงาน
แม้จะพูดด้วยคำพูดที่สุภาพก็ตาม
ผลที่คนได้รับ ก็เสมือนถูกชกต่อยเช่นกัน แต่มันเจ็บกว่า
เพราะว่าเขาถูกชกต่อย “อัตตา” ซึ่งมันเจ็บภายใน จิตใจ/ความคิด
แถมยังทิ้งร่องรอย “แผลเป็น” ภายในใจ หลอกหลอนคนไปนานกว่าการถูกต่อยตีเสียอีก
ตัวอย่างคำพูดที่เสมือนการถูกชกต่อย
1. คุณทำได้แค่นี้เองหรือ
2. เรียนมาก็สูงแค่นี้ไม่น่าผิด
3. ใช้เวลาตั้งเยอะยังไม่เรียบร้อย
4. สมัยผมไม่เคยมีใครมาสอน
5. พอเถอะเวลามีน้อย
6. Common Sense น่าจะคิดออกได้เอง
1. คำพูด “คุณทำได้แค่นี้เองหรือ”
นัยของผู้ฟัง “คุณมันโง่ ดูท่าทางฉลาด ที่จริงแล้วไม่ฉลาดอย่างที่คิด”
2. คำพูด “เรียนมาก็สูงแค่นี้ไม่น่าผิด”
นัยของผู้ฟัง “วุฒิบัตรที่คุณได้มันไร้ค่า ตัวคุณก็ด้อยค่า”
3. คำพูด “ใช้เวลาตั้งเยอะยังไม่เรียบร้อย”
นัยของผู้ฟัง “คุณทำงานช้ากว่าปกติ ไม่เก่ง/ไม่ฉลาดเมื่อเทียบกับคนทั่วไป งานถึงได้ออกมาช้า”
4. คำพูด “สมัยผมไม่เคยมีใครมาสอน”
นัยของผู้ฟัง “เทียบกันแล้ว คุณมันฉลาดน้อยกว่าผม/เก่งน้อยกว่าผม ในอดีต”
5. คำพูด “พอเถอะเวลามีน้อย”
นัยของผู้ฟัง “เวลาผมมีค่ามากกว่าการมานั่งฟังเรื่องที่ด้อยคุณค่าของคุณ หัดคิดเองให้เป็นเสียบ้าง”
6. คำพูด “Common Sense น่าจะคิดออกได้เอง”
นัยของผู้ฟัง “เรื่องง่าย ๆ ที่คนอื่นคิดได้ คุณคิดไม่ได้ คิดไม่เป็น น่าจะคิดได้ต่ำกว่าคนทั่วไป”
ก่อนที่เราจะพูดอะไรออกไป ถามตัวเองว่า “เราอาจจะกำลังชกต่อยอัตตาของใครหรือไม่”
เราควรพยายามหลีกเลี่ยงคำพูดเหล่านี้ครับ