หลายคนที่ทำงานเก่ง แต่ไม่อยากเติบโตเป็นฝ่ายบริหาร
เพราะคิดว่าตนเองเป็นคนไม่ชอบความขัดแย้งมาก
และอึดอัดเมื่อต้องจัดการความขัดแย้งระหว่างคนทำงาน
เขามีมุมมองที่ว่าการเป็นผู้บริหารต้องทำงานท่ามกลางความขัดแย้ง
จึงเลือกที่จะไม่เติบโตขึ้นไปในองค์กรดีกว่า
อย่างไรก็ตาม มีคนทำงานเก่งและไม่ชอบอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งอีกหลายคน
ที่เขาสามารถจัดการความขัดแย้งได้ด้วยดี
เมื่อผมถาม Gemini AI ไปว่า “เขามี ความเชื่อ หลักการ เทคนิคและวิธีการอย่างไร”
นี่คือ คำตอบครับ…
คนที่ทำงานเก่งแต่ไม่ชอบความขัดแย้ง ก็สามารถจัดการกับความขัดแย้งในที่ทำงานได้ดีเช่นกัน
หลักการสำคัญคือ
ก. ป้องกัน ไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นตั้งแต่แรก
ข. แก้ไข ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม
ลองดูความเชื่อ หลักการ เทคนิค และวิธีการของพวกเขา
1. ความเชื่อ
– เชื่อในความร่วมมือและการสื่อสารที่ดี: พวกเขาเชื่อว่าการสื่อสารที่เปิดเผย ตรงไปตรงมา และการทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ จะช่วยลดโอกาสการเกิดความขัดแย้งได้ เช่น หากมีปัญหาในการทำงานร่วมกัน ก็จะรีบพูดคุยกันตรง ๆ เพื่อหาทางออกร่วมกัน แทนที่จะปล่อยให้ปัญหาสะสมจนกลายเป็นความขัดแย้ง
– เชื่อในคุณค่าของทุกคน: พวกเขาให้ความสำคัญกับทุกคนในทีมอย่างเท่าเทียมกัน ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก รับฟังความคิดเห็นของทุกคนอย่างตั้งใจ ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่เคารพซึ่งกันและกัน ลดโอกาสการเกิดความขัดแย้งจากการรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม
– เชื่อว่าความขัดแย้งมีทางออกที่ดีได้เสมอ: พวกเขามีมุมมองเชิงบวกต่อความขัดแย้ง ไม่มองว่าเป็นเรื่องเลวร้าย แต่เป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา
2. หลักการ
– เน้นการป้องกัน: พวกเขามุ่งเน้นการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี มีความชัดเจนในบทบาทหน้าที่ และสื่อสารกันอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นตั้งแต่แรก เช่น
– กำหนดขอบเขตงานและความรับผิดชอบให้ชัดเจน: เช่น ใครรับผิดชอบงานส่วนไหน, ใครเป็นคนตัดสินใจเรื่องอะไร เพื่อป้องกันความขัดแย้งจากการทับซ้อนกันของงาน
– จัดประชุมทีมอย่างสม่ำเสมอ: เพื่อให้ทุกคนได้อัพเดทงาน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และพูดคุยถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
– จัดการความขัดแย้งอย่างเป็นระบบ: เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้น พวกเขาจะไม่ปล่อยผ่าน แต่จะใช้สติและเหตุผลในการแก้ปัญหา โดยยึดหลักการดังนี้
– รับฟังอย่างตั้งใจ: รับฟังทุกฝ่ายอย่างเปิดใจ พยายามทำความเข้าใจมุมมองของแต่ละฝ่าย
– วิเคราะห์สาเหตุ: หาสาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้ง
– หาทางออกร่วมกัน: ร่วมกันหาทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับได้
– ติดตามผล: ประเมินผลลัพธ์ และปรับปรุงการจัดการความขัดแย้งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. เทคนิคและวิธีการ
– ใช้เทคนิคการสื่อสารแบบ Assertive Communication: สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา แต่สุภาพ แสดงความคิดเห็นของตัวเองอย่างชัดเจน แต่เคารพความคิดเห็นของผู้อื่น เช่น “ฉันเข้าใจในมุมมองของคุณนะ แต่ฉันคิดว่า…”
– ใช้เทคนิคการเจรจาต่อรอง: มองหาจุดร่วมประโยชน์ (win-win solution) เช่น หากมีข้อโต้แย้งเรื่อง deadline อาจจะเจรจาต่อรองหา deadline ใหม่ที่ทุกฝ่ายรับได้
– ขอความช่วยเหลือจากบุคคลที่สาม: ในกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งกันเองได้ อาจขอความช่วยเหลือจากหัวหน้า HR หรือผู้ไกล่เกลี่ย
ตัวอย่างประกอบ
สมมติว่า เกิดความขัดแย้งระหว่างสมาชิกสองคนในทีม เนื่องจากมีความคิดเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับแนวทางการทำงาน
– คนที่ไม่ชอบความขัดแย้งแต่จัดการกับความขัดแย้งได้ดี จะเริ่มต้นด้วยการ รับฟัง ความคิดเห็นของทั้งสองฝ่ายอย่างตั้งใจ พยายามทำความเข้าใจมุมมองของแต่ละคน จากนั้นจะ วิเคราะห์ สาเหตุของความขัดแย้ง เช่น อาจเกิดจากความเข้าใจผิด หรือการสื่อสารที่ไม่ชัดเจน หลังจากนั้นจะ ชี้แจง ให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และ หาทางออกร่วมกันเช่น อาจจะนำข้อดีของแนวทางของทั้งสองฝ่ายมารวมกัน หรือลองทดลองทำตามแนวทางของแต่ละฝ่าย แล้วประเมินผลลัพธ์
– คนที่ไม่ชอบความขัดแย้งและไม่รู้จักวิธีจัดการ อาจจะเลือกที่จะ หลีกเลี่ยง ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้ง หรืออาจจะ เข้าข้าง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้ความขัดแย้งบานปลายมากขึ้น
จะเห็นได้ว่า แม้จะเป็นคนที่ไม่ชอบความขัดแย้ง แต่หากมีความเข้าใจ มีหลักการ และมีเทคนิคในการจัดการ ก็สามารถจัดการกับความขัดแย้งในที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเติบโตในสายงานบริหารได้เช่นกัน