สิ่งที่คนเก่ง ๆ ส่วนใหญ่ต้องการพัฒนามีอะไรบ้าง

เนื้อหาได้รับความช่วยเหลือจาก ChatGPT 4.0 ในการรวบรวมข้อมูล (10 ตุลาคม 2567)

คนที่มีความสามารถโดดเด่นในองค์กรส่วนใหญ่มักมีความเข้าใจในทักษะวิชาชีพและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในกระบวนการเติบโตเพื่อเป็นผู้นำที่ดี พวกเขามักพบว่ามีหลายด้านที่ยังต้องพัฒนาเพิ่มเติม โดยเฉพาะในทักษะที่เกี่ยวข้องกับการจัดการตนเองและการทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งสามารถสรุปออกมาได้ดังนี้:

1. วุฒิภาวะทางอารมณ์เมื่อเผชิญอุปสรรค/แรงกดดัน

หลายคนเก่งในการทำงานภายใต้สภาวะปกติ แต่เมื่อเกิดความกดดันทางอารมณ์หรือเผชิญกับอุปสรรคใหญ่ มักจะมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ตัวเอง ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการฝ่ายการตลาดคนหนึ่งที่เผชิญกับการลดงบประมาณกะทันหันในช่วงที่ต้องออกแคมเปญสำคัญ เขาอาจเกิดความกังวลจนไม่สามารถตัดสินใจได้ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้ทีมงานเกิดความเครียดและความไม่แน่นอน

สาเหตุ: การขาดทักษะในการจัดการความเครียดและแรงกดดัน หรือขาดเครื่องมือในการควบคุมอารมณ์

การป้องกัน: การฝึกเทคนิคการจัดการความเครียด เช่น การฝึกสติ (mindfulness) และการเรียนรู้วิธีระบายความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การพูดคุยกับโค้ชหรือที่ปรึกษา

2. ดุลพินิจที่ดีภายใต้สถานการณ์ที่คลุมเครือ/ไม่ชัดเจน

เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือไม่ชัดเจน การตัดสินใจที่รวดเร็วแต่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ ตัวอย่างเช่น ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตที่ต้องตัดสินใจว่าจะใช้เทคโนโลยีใหม่ในการผลิตหรือไม่ โดยที่ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอจากผู้ผลิตเทคโนโลยีรายใหม่

สาเหตุ: การขาดประสบการณ์ในการตัดสินใจในสภาวะที่ไม่แน่นอน หรือการยึดติดกับความปลอดภัยของข้อมูลที่สมบูรณ์แบบ

การป้องกัน: ฝึกการตัดสินใจโดยใช้กรอบความคิดเชิงกลยุทธ์และทักษะการคาดการณ์ ฝึกการใช้ดุลยพินิจโดยอิงจากหลักการและค่าใช้จ่ายความเสี่ยงที่ยอมรับได้

3. สติที่จะอยู่กับปัจจุบันจริงเพื่อใช้ปัญญาให้เต็มที่

บางครั้งคนที่มีความสามารถอาจพบว่าตัวเองไม่ได้ใช้ศักยภาพที่แท้จริงของตนเพราะจิตใจยังพะวงกับอนาคตหรือปัญหาอื่น ตัวอย่างเช่น ผู้บริหารที่คิดถึงการประชุมในวันถัดไปขณะอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องแก้ปัญหาฉุกเฉินในขณะนั้น

สาเหตุ: ความเครียดหรือความกังวลเกี่ยวกับอนาคต ทำให้ไม่สามารถโฟกัสกับปัจจุบันได้

การป้องกัน: การฝึกสติ เช่น การนั่งสมาธิ การจดจ่ออยู่กับลมหายใจ หรือการฝึกเทคนิคการอยู่กับปัจจุบัน เช่น การฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ตัดสิน

4. การเชิญชวนคนคิดต่างให้มาร่วมทำงานอย่างเต็มใจ

การทำงานเป็นทีมกับคนที่มีความคิดแตกต่างอาจเป็นเรื่องท้าทาย ผู้นำที่เก่งต้องมีความสามารถในการเชิญชวนให้คนเหล่านี้มาร่วมมืออย่างเต็มใจ ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการโปรเจกต์ที่ต้องการให้ทีมวิศวกรและฝ่ายการตลาดร่วมงานกัน แต่ทั้งสองฝ่ายมีมุมมองที่แตกต่างกัน

สาเหตุ: การขาดทักษะในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และความเข้าใจในวิธีการสื่อสารเพื่อสร้างความเห็นพ้อง

การป้องกัน: ฝึกทักษะการสร้างความสัมพันธ์ การใช้เทคนิคการฟังอย่างตั้งใจ และการหาจุดร่วมที่ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้

5. การรับฟังเพื่อให้เข้าใจคนอื่นจริงแทนที่จะตัดบท

คนที่เก่งในงานอาจคิดว่าตนเองมีคำตอบอยู่แล้วและไม่จำเป็นต้องฟังคนอื่นจนจบ ทำให้ไม่ได้รับข้อมูลครบถ้วน ตัวอย่างเช่น ผู้บริหารฝ่ายขายที่มักจะตัดบทลูกน้องเมื่อรายงานปัญหา ทำให้พลาดข้อมูลสำคัญในการแก้ไขปัญหา

สาเหตุ: การคิดว่าสิ่งที่ตัวเองรู้เพียงพอแล้ว หรือความรีบเร่งในการทำงาน

การป้องกัน: ฝึกการฟังอย่างลึกซึ้งและตั้งใจฟังเพื่อให้เข้าใจมุมมองของผู้อื่นจริง ๆ โดยตั้งใจกับการฟังให้จบก่อนที่จะพูดแทรก

6. การตั้งคำถามเพื่อทำความเข้าใจโดยไม่รีบด่วนสรุป

การตั้งคำถามเป็นทักษะสำคัญในการแก้ปัญหา แต่บางครั้งคนที่เก่งมักจะรีบสรุปก่อนที่จะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการฝ่ายผลิตที่ไม่ถามคำถามเชิงลึกเมื่อลูกทีมรายงานปัญหา ทำให้การแก้ปัญหาเกิดความผิดพลาด

สาเหตุ: ความรีบร้อนในการสรุปผล หรือขาดทักษะในการตั้งคำถามที่เปิดโอกาสให้คนอื่นได้แสดงความคิดเห็นอย่างครบถ้วน

การป้องกัน: ฝึกการตั้งคำถามเชิงลึกและเปิดกว้าง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เพียงพอก่อนที่จะสรุป