Team Norms กระดุมเม็ดแรกของทีมงานแบบมืออาชีพเริ่มต้นด้วยการสร้างบรรทัดฐานของทีม

ทีมงานคือกลุ่มคนที่มาทำงานร่วมกัน ในองค์กรขนาดใหญ่ กลุ่มผู้บริหารระดับสูงจะทำหน้าที่บริหารผ่านการประชุมฝ่ายบริหาร บางองค์กรประชุมฝ่ายบริหารสัปดาห์ละครั้งหรือเดือนละครั้ง

ห้องประชุมนี้คือเวทีของการบริหาร คือสถานที่การทำงานเป็นทีมเกิดขึ้น โดยมีหัวหน้าทีมเป็นกัปตัน 

หัวหน้าทีมมักจะจัดทำ วิสัยทัศน์/พันธกิจ/ยุทธศาสตร์ (Vision, Mission, Strstegy – VMS) เอง แล้วสื่อสารให้ทีมงานรับทราบเพื่อเป็นแนวทางการทำงาน

ที่มักขาดไปคือ “เพื่อให้บรรลุ VMS นั้น ทีมควรทำงานร่วมกันอย่างไร” 

โดยการกำหนดเป็น Team Norms หรือบรรทัดฐานในการทำงานร่วมกัน

ทำไมต้องมี Team Norms

เพราะว่าเราแต่ละคนมีวิธีทำงานร่วมกันแตกต่างกัน

ขึ้นอยู่กับว่า แต่ละคนมีพื้นฐานมาอย่างไร 

– ประสบการณ์ที่ผ่านมา เคยทำงานกับทีมแบบไหน

– คุ้นกับวิธีทำงานแบบ Command & Control หรือ Engage & Inspire

– ถูกจริตกับการเปชิญความขัดแย้งแบบตรง ๆ หรือ อ้อม ๆ

– มีสไตล์การทำงานของแต่ละคนอย่างไร

– มีความเชื่อในการทำงานร่วมกับคนอื่นอย่างไร

– มีเป้าหมายและแรงจูงใจอย่างไร

พื้นฐานของแต่ละคน จะหล่อหลอม “ชุดความคิด” ในการทำงานเป็นทีมที่แตกต่างกัน 

ยิ่งคนเก่งที่มาจากหลากหลายที่ หากมีอัตตาสูง ก็ยิ่งมีโอกาสขัดแย้งกัน

เรามาดูทีมงานที่จัดทำ Team Norms กันก่อนลงมือทำงานดูครับ

จากหนังสือ “7 อุปนิสัยสำหรับผู้ทรงประสิทธิผลยิ่ง” โดย Stephen R. Covey  ในบทที่ว่าด้วยอุปนิสัยที่ 6 เรื่อง ผนึกพลังประสานความต่าง  ผู้เขียนได้เล่าเรื่องที่เป็นตัวอย่างของทีมงานที่ยอดเยี่ยมว่า

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง  รัฐบาลสหรัฐแต่งตั้งเดวิด ลิเลียนธัล  เป็นหัวหน้าคณะกรรมการพลังงานปรมาณู  ลิเลียนธัลรวบรวมกลุ่มคนมีชื่อเสียงในวงการต่าง ๆ ที่มีอัตตาสูงและมีกรอบอ้างอิงของแต่ละคนที่แตกต่างกัน

กลุ่มคนหลายวงการเหล่านี้มีความคิดเห็นที่แหลมคม  เอาแต่ใจตนเอง  อยากผลักดันผลงานให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว  ยิ่งไปกว่านั้น  สื่อมวลชนก็กดดันอยากเห็นผลงาน

แต่ลิเลียนธัลใช้เวลานานหลายสัปดาห์สร้างบัญชีออมใจ (ความไว้วางใจกัน)  เขาแนะนำให้คนกลุ่มนี้รู้จักสนิทสนมกัน  เผยใจให้เห็นความสนใจ ความหวัง เป้าหมาย ความกังวลใจ กรอบอ้างอิง  และกรอบความคิดของแต่ละคน  เขาดึงผู้คนมาประชุมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน  สร้างพันธะผูกพันระหว่างกัน  ในระหว่างนั้นเขาอดทนต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าใช้เวลานานเกินไปกับสิ่งที่ “ไร้ประสิทธิภาพ”

สุดท้าย  คนกลุ่มนี้ก็มีความผูกพันกันอย่างเหนียวแน่น  เปิดใจต่อกัน  กล้าเสนอความคิดสร้างสรรค์  ผนึกพลังสานความต่าง  มีความนับถือซึ่งกันและกันสูง  แม้จะเกิดความคิดเห็นที่แตกต่างขัดแย้งกัน  แทนที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูหรือคิดปกป้องอัตตาตนเอง  คณะกรรมการจะทุ่มเทเต็มกำลังเพื่อทำความเข้าใจกัน  โดยกลุ่มมีทัศนคติว่า  “ถ้าคนที่มีสติปัญญาระดับนี้  มีความรู้ความสามารถและความทุ่มเทกันในระดับนี้  หากเขาไม่เห็นพ้องกับฉัน  เขาน่าจะต้องมีแง่มุมมบางอย่างที่ฉันยังมองไม่เห็น  ฉันอยากเข้าใจจุดนั้น  เขามีมุมมอง  มีกรอบอ้างอิงที่ฉันอยากจะศึกษาทำความเข้าใจเขา”  ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลไร้การป้องกันตนเองก่อตัวขึ้น  บรรทัดฐานใหม่ที่ดีงามได้ก่อตัวขึ้น

ดังนั้น ทีมงานควรจะจัดทำ Team Norms ก่อนลงมือทำงานร่วมกัน

หรือทีมที่ทำงานร่วมกันมาระยะหนึ่งแล้ว 

ก็อาจจะถือโอกาส การเริ่มต้นปีใหม่ หรือการกลับมาทำงานใหม่หลังวิกฤติโควิด-19 เป็นจุดเริ่มต้น

วิธีการจัดทำ Team Norms

1. ให้แต่ละคนเล่าประสบการณ์/สไตล์/ค่านิยม ให้ทีมฟัง

2.  ให้แต่ละคนแชร์ Profile ของแบบสอบถามทางจิตวิทยาให้ทีมฟัง ส่วนตัวแล้วผมชอบใช้ Gallup CliftonStrengths 

3. หัวหน้าทีม แชร์ วิสัยทัศน์/พันธกิจ/ยุทธศาสตร์

4. แบ่งกลุ่มทีม เพื่อจัดทำ Team Norms โดยใช้คำถามว่า “เพื่อให้บรรลุ วิสัยทัศน์/พันธกิจ/ยุทธศาสตร์ นั้น ทีมควรทำงานร่วมกันอย่างไร”

5. นำเสนอ และสรุป แนวทางเป็น Team Norms

คำถามเพิ่มเติม เพื่อช่วยหา Team Norms เช่น

“เพื่อให้บรรลุ วิสัยทัศน์/พันธกิจ/ยุทธศาสตร์ นั้น ทีมควรทำงานร่วมกันอย่างไร”

ก. การสื่อสารควรเป็นอย่างไร

ข. หากเกิดปัญหาขึ้น เราควรทำงานร่วมกันอย่างไร

ค. หากต้องตัดสินใจเป็นกลุ่ม

    ๑. จะตัดสินใจโดยเสียงข้างมาก ในกรณีไหน

    ๒. จะตัดสินใจโดยมติเอกฉันท์ ในกรณีไหน

    ๓. ให้ใครบางคนตัดสินใจโดยลำพัง ในกรณีไหน

ง. หากมีความคิดเห็นต่างกันควรสื่อสารกันอย่างไร

จ. สิ่งไหนควรทำ / สิ่งไหนไม่ควรทำ

หลังจากนั้น ก็ใช้แนวทางนี้ในการประชุม

ในช่วงแรก หัวหน้าทีมควรสื่อสารแนวทางนี้ก่อนเริ่มประชุม

และเมื่อจบการประชุม ก็ทบทวนว่า สิ่งที่ทำได้ดี / สิ่งที่ควรปรับปรุง คืออะไร

หากทำไประยะหนึ่ง เช่น สามหรือหกเดือน แล้วคิดว่า Norms ควรมีการปรับปรุง

ก็นำประเด็นมาหารือ ปรับแต่งให้เหมาะกับบริบทของทีมต่อไป