เรียนรู้ภาวะผู้นำ

“คุณเกรียงศักดิ์ ความแตกต่างระหว่างผู้นำและผู้จัดการคืออะไรครับ และผมจะต้องทำอย่างไรเพื่อพัฒนาความเป็นผู้นำของตนเองให้ดีขึ้นได้” คุณบรรจงถาม

“ผมแนะนำกระบวนการจากหนังสือ Learning to Lead – a workbook on Becoming a LEADER โดย Warren Bennis & Joan Goldsmith

หนังสือนิยามความต่างระหว่างผู้นำและผู้จัดการไว้ว่า

ผู้นำมีความเชี่ยวชาญและปรับเปลี่ยนสิ่งรอบตัวต่าง ๆ เช่น ความผันผวน ความไม่ชัดเจน ที่ต่อต้านและข่มขู่ที่จะขัดขวางให้ต้องลำบาก

ผู้จัดการยอมจำนนกับสิ่งรอบตัวโดยไม่ท้าทาย มุ่งความสนใจที่การสั่งการผู้อื่นและควบคุมรายละเอียดต่าง ๆ

ผู้นำสืบหาความจริง เปิดรับและวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างระมัดระวัง ผลก็คือ พวกเขาออกแบบและสื่อสารวิสัยทัศน์ แนวคิด แผนการ และโปรแกรมต่าง ๆให้ผู้อื่นทราบ

ผู้จัดการมักยอมรับสิ่งที่ผู้อื่นบอก นำแนวคิดเหล่านั้นมาใช้โดยไม่สืบค้นให้รู้แจ้งว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องการจริง ๆ และเพราะอะไร

ผู้นำชอบความมีประสิทธิผล ผู้จัดการชอบความมีประสิทธิภาพ ผู้นำเป็นเรื่องของแนวทางและค่านิยม เป็นเรื่องของอะไรและทำไม ผู้จัดการเป็นเรื่องของระบบ การควบคุม กระบวนการ นโยบาย และโครงสร้าง

ผู้นำให้ความเชื่อใจผู้อื่นในการสร้างความเปลี่ยนแปลงและริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ ผู้จัดการนั้นเลียนแบบและทำงานเดิม 

ผู้นำมีความคิดสร้างสรรค์และปรับตัวได้ ไม่มีขอบเขตใดมากั้น

ที่จริง ทุกองค์กรต้องการทั้งผู้นำและผู้จัดการที่เหมาะสม ผู้ที่เข้าใจความคาดหวังในหน้าที่ของตนและรับผิดชอบในการทำงานให้เสร็จลุล่วง

ประโยคง่าย ๆ เกี่ยวกับความต่างของผู้นำและผู้จัดการ คือ ผู้จัดการทำสิ่งที่ถูกต้อง ผู้นำทำสิ่งที่ควรทำ (A manager does things right.  A leader does the right things.)

คุณบรรจง ใครคือบุคคลสามท่านที่เป็นผู้นำที่ต้นแบบของคุณ”

“พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 คุณพ่อผม และเจ้านายคนปัจจุบันครับ” บรรจงตอบ

“ทำไมคุณถึงเลือกท่านเหล่านี้” ผมถามต่อ

“สำหรับในหลวงมีแง่มุมความเป็นผู้นำมากมาย เช่น

– วิสัยทัศน์

– ทุ่มเท

– คำสอนเข้าใจง่าย ใช้ได้จริง

– เป็นแบบอย่าง

– ถ่อมตัว

– พยายามแก้ปัญหา

– เห็นใจผู้อื่น

– การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

– ทำงานหนัก อุทิศตน

สำหรับพ่อผมนั้นเหตุผลคือ

– ใส่ใจ

– อบอุ่น

– ให้คำแนะนำ

– อดทน

– อดกลั้น

– อารมณ์ขัน

– สงบ

– ความรัก

– ความเชื่อใจ

สำหรับเจ้านายเพราะว่า

– ชอบท้าทายความสำเร็จในปัจจุบัน

– ความคิดริเริ่ม

– พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

– ให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในการสร้างความเปลี่ยนแปลง

– กระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจ

– มีวิสัยทัศน์”

“คุณบรรจง ถ้าจะประมวลสิ่งที่บุคคลทั้งสามท่านมีคล้ายกันคืออะไรครับ”

“น่าจะเป็น

– วิสัยทัศน์

– เรียนรู้และพัฒนาตนเอง

– รู้ดีในสิ่งที่ตนทำ

– พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

– กระตุ้นและให้แรงบันดาลใจ

– เป็นแบบอย่างที่ดี”

“คุณบรรจง ลองประเมินตนเองในแต่ละคุณสมบัติโดยใช้คะแนน 1-10 ครับ”

“วิสัยทัศน์ 7/10 เรียนรู้และพัฒนาตนเอง 8/10 รู้ดีในสิ่งที่ทำ 9/10 พัฒนาอย่างต่อเนื่อง 7/10 กระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจ 6/10 และเป็นแบบอย่าง 8/10”

“เรื่องใหนที่คุณคิดว่ามีความสำคัญและต้องการพัฒนาก่อน”

“กระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจผู้อื่นครับ”

“ดีครับ ลองเรียนรู้จากแบบอย่างทั้งสามท่าน พวกเขากระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจอย่างไร”

“ในหลวงทำโดยการทำงานหนักอย่างยาวนาน ใช้พื้นที่ในวังทำเป็นโครงการวิจัยและพัฒนาสำหรับราษฎร และพระบรมราโชวาทในวาระต่าง ๆ นั้นเป็นคู่มือแรงบันดาลใจให้แก่ผม

คุณพ่อทำทำตัวเป็นแบบอย่าง เน้นความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ และความอดทนซึ่งผมได้สามเรื่องนี้มาจากท่านเต็ม ๆ เลย

สำหรับเจ้านาย เธอทำโดยการกระทำและคำพูด เธอสื่อสารกับทีมทุกวันในเรื่องการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เธอบอกว่าลูกค้าเป็นผู้จ่ายเงินเดือนแก่พวกเรา”

“แล้วคุณจะนำความรู้เหล่านี้ไปพัฒนาตนเองได้อย่างไร”

“ผมคิดว่าประยุกต์ได้หมดครับ”

“คุณเกรียงศักดิ์  สมมติว่าผมมีเจ้านายหรือพ่อแม่ที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แล้วผมจะเรียนรู้ได้อย่างไร”

“Michael Burlingame  ผู้เขียนหนังสือ The inner world of Abraham Lincoln บอกว่าการที่ประธานาธิบดีลินคอล์นถูกพ่อทุบตีตอนเด็ก ๆ  ทำให้เขาเข้าใจหัวอกของทาสและเป็นแรงขับดันให้เขาเลิกทาสได้ในที่สุด 

คุณยังสามารถเรียนรู้จากผู้อื่นที่ไม่ใช่คนใกล้ชิดก็ได้ 

ภาวะผู้นำไม่ใช่เรื่องของตำแหน่งหน้าที่ คุณสามารถเห็นได้จากคนทุกระดับรอบตัวคุณ ถ้าพวกเขาทำสิ่งต่าง ๆตรงตามที่บอกตอนแรก พวกเขาก็คือผู้นำเช่นกัน”