รหัสลับภาวะผู้นำ (The leadership code)

“กำลังอ่านหนังสืออะไรคะ” คุณจินดาถาม

ผมโชว์ปกหนังสือให้เธอดู “เดฟ อูลริค นอร์ม สมอลล์วู๊ด และเคท สวีทแมน เขาไปค้นคว้าหนังสือและงานวิจัยมากมายเกี่ยวกับภาวะผู้นำ สรุปออกมาเป็นหนังสือชื่อ The leadership code

หนังสือเล่มนี้พยายามจัดระเบียบของภาวะผู้นำ ผู้เขียนทั้งสามคนสังเคราะห์แนวคิด โมเดล เครื่องมือ นับร้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมทั้งสัมภาษณ์กูรูด้านภาวะผู้นำจำนวนหนึ่ง จนได้เป็นรหัสภาวะผู้นำขึ้นมา”

“เหมือนรหัสลับดาวินชี่เลยหรือคะ” คุณจินดาพูดกลั้วเสียงหัวเราะ

“ใช่เลยครับ นี่คือรหัสลับดาวินชี่ของภาวะผู้นำก็ว่าได้ ผู้เขียนสรุปว่าภาวะผู้นำมีสองส่วน ส่วนแรกคือ รหัสผู้นำ ซึ่งมีสัดส่วน 60-70% เป็นแก่นของภาวะผู้นำที่ทำให้เกิดประสิทธิผลสูง อีกส่วนเขาเรียกว่า ปัจจัยความแตกต่าง อาจจะเป็นเรื่องของยุทธ์ศาสตร์หรือวิสัยทัศน์ของแต่ละองค์กร หรือลักษณะเฉพาะของงานของแต่ละบุคคล หากผู้นำเข้าใจและสามารถที่จะบริหารตนเองเกี่ยวกับรหัสดังกล่าวได้ เขาก็จะประสบความสำเร็จโดยมีประสิทธิผลสูง”

“รหัสนี้มีอะไรบ้างคะ”

“รหัสนี้มีห้าข้อ มันจะช่วยผู้นำในองค์กรใดก็ตามประสบความสำเร็จได้ คือ

  1. ผู้นำต้องลงทุนในตนเองเพื่อทำให้ตนเองมีความสามารถ ผู้นำที่ทรงประสิทธิผลจะสนใจบริหารตนเองในเรื่องของ การดูแลร่างกาย จิตใจ สมองหรือความรู้ และจิตวิญญาณ พวกเขาเรียนรู้และพัฒนาตนเองตลอดเวลา พวกเขาคล่องแคล่ว แต่ก็ใจเย็น รู้จักตนเองอย่างถ่องแท้ เรื่องนี้สำคัญมากในภาวะวิกฤตอย่างนี้ เพราะผู้คนมองพวกเขาด้วยความหวังและความมั่นใจ
  2. ผู้นำมองไปข้างหน้า เขาเป็นนักคิดที่มีวิสัยทัศน์และยุทธ์ศาสตร์ที่ชัดเจน พวกเขาตอบได้ว่า “เราจะมุ่งไปทิศทางใด” พวกเขาทดสอบความคิดที่ยิ่งใหญ่และทำให้มันปฏิบัติได้จริง โดยพยายามหาทางทำงานร่วมกับคนอื่น ๆ เพื่อพัฒนาปัจจุบันไปสู่ฝันในอนาคตให้ได้
  3. พวกเขาเป็นนักปฏิบัติ พวกเขาลงมือทำงานให้สำเร็จลุล่วง พวกเขาสร้างการเปลี่ยนแปลง มอบหมายความมุ่งมั่นรับผิดชอบ และทำให้มั่นใจให้ได้ว่าทีมงานสามารถร่วมกันสร้างผลงานที่เป็นเลิศได้
  4. พวกเขาทำให้คนสนุกกับการทำงาน พวกเขาทำให้พนักงานทำงานด้วยความมุ่งมั่น สร้างแรงบันดาลใจให้คนเป็นมืออาชีพและผูกพันธ์ในองค์กร พวกเขาทำให้คนทำงานได้ใช้ศักยภาพตนเพื่อสร้างผลงานยอดเยี่ยม
  5. พวกเขาพัฒนาผู้นำในอนาคตตั้งแต่วันนี้ พวกเขาสร้างความมั่นใจว่าองค์กรมีมีศักยภาพเพียงพอที่จะเติบโตและประสบความสำเร็จระยะยาวโดยการมุ่งมั่นพัฒนาความรู้ ทักษะ พฤติกรรม และทัศนคติ เพื่อความสำเร็จในอนาคต”

“ผู้นำต้องมีทุกข้อเลยหรือคะ”

“ผู้เขียนพบว่าผู้นำที่มีประสิทธิผล จะต้องมีความเก่งในตัวเองเป็นพื้น เช่นพวกเขาต้องมีความซื่อสัตย์ น่าเชื่อถือ และมีความปรารถนาที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง คนส่วนใหญ่มักจะมีข้อใดข้อหนึ่งโดดเด่นในตอนเริ่มงานใหม่ ๆ เช่น ผู้นำระดับต้นจำนวนมาก เก่งในฐานะนักปฏิบัติและทำให้คนสนุกกับงาน เพื่อสร้างผลงานออกมา อย่างไรก็ตาม ยิ่งเขาไต่เต้าสูงขึ้นไปในองค์กรมากเท่าใด พวกเขาจำเป็นต้องเก่งในทั้งห้าเรื่อง”

“คุณเกรียงศักดิ์คิดว่าภาวะผู้นำในเมืองไทยตรงตามนี้ไหมคะ”

“ผมแยกเป็นสามกลุ่มครับ

กลุ่มแรกภาวะผู้นำในภาคเอกชน ส่วนใหญ่จะทำได้ดีสี่ข้อคือ พัฒนาตนเอง มีวิสัยทัศน์ เป็นนักปฏิบัติ และทำให้คนสนุกกับงาน แต่ว่าไม่เก่งเรื่องสร้างผู้นำในอนาคตเพื่อสืบทอดความสำเร็จ ซึ่งอาจจะมาจาก หนึ่งคนเก่งๆหายากมากในบ้านเรา และสองผู้นำยุ่งกับธุรกิจและงานจนไม่มีเวลาพัฒนาคนรุ่นต่อไป

กลุ่มที่สองคือภาวะผู้นำในภาครัฐ ผมว่าส่วนใหญ่แข็งเพียงเรื่องนักปฏิบัติ ที่เหลืออ่อนหมด โดยเฉพาะ
เรื่องพัฒนาตนเอง ปีที่แล้วผมเสนอตัวที่จะโค้ชผู้บริหารระดับสูงสี่ท่านในหน่วยงานหนึ่ง โดยไม่คิดเงินกว่าเก้าแสนบาท คุยกันหลายครั้ง สุดท้ายท่านบอกว่าสนใจแต่ไม่มีเวลา

กลุ่มที่สามคือภาวะผู้นำในนักการเมือง ส่วนใหญ่ผมว่าเก่งเรื่องเป็นนักปฏิบัติเช่นกัน เก่งเรื่องสร้างเครือข่ายและสายสัมพันธ์ ที่เหลือยังอ่อนมาก ประเทศเราจึงมาไกลได้เพียงเท่านี้

หนังสิอมีรายละเอียดที่สามารถนำไปปฏิบัตได้จริงในแต่ละรหัส นอกจากนี้ยังมีแบบฟอร์มที่แต่ละคนสามารถที่จะประเมินได้ว่ามีศักยภาพเพียงใดในแต่ละเรื่อง”