เป็นแบบอย่างที่ดีหรือเป็นอุทาหรณ์

เกษมถามวินัยในระหว่างทานข้าวกลางวันด้วยกัน “ทำไมคุณเปลี่ยนไปมากในช่วงนี้ มาเช้ากลับค่ำ เสนอแนะความเห็นมากมายในที่ประชุม แถมกล้าถามคำถามโง่ ๆ ด้วย แล้วยังช่วยงานฝ่ายอื่นโดยที่เขาไม่ได้ร้องขอสักหน่อย ปีนี้เป็นปีสุดท้ายก่อนเกษียณของเราทั้งคู่ จะหักโหมไปทำไม”

“เกษม เราเป็นผู้บริหารระดับสูงไม่เด่นไม่แย่กลาง ๆ แบบนี้ พอเราเกษียณปีหน้า ไม่นานคนเขาก็ลืมเรา ผมมาเกิดแรงบันดาลใจจากสองเหตุการณ์คือ

หนึ่ง เมื่อปลายปีที่แล้วผมไปงานเลี้ยงเกษียณของเพื่อนชื่อสุรางค์ เธอเป็นหัวหน้างานที่ธนาคารต่างชาติแห่งหนึ่ง มีคนมาร่วมงานราวสามสิบคน ส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารในธนาคารหลายแห่ง ทุกคนเคยมีประสบการณ์ที่ดีในฐานะเพื่อนร่วมงานกับเธอมาก่อน

ตอนจบนายเธอกล่าวคำสรรเสริญเธอว่า

คุณสุรางค์เป็นคนขยันมาก ทำงานหนักเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยขาดลามาสายไม่ว่ากรณีใด ๆ ซื่อสัตย์สุจริตมาก แถมยังเป็นคนที่มีน้ำใจบริการทุก ๆ คน ที่พิเศษคือสองเดือนสุดท้าย เธอจัดทำคู่มือทำงานในตำแหน่งเธอ เพื่อว่าคนที่มาแทนเธอนั้น จะได้มีคู่มือการทำงานได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

คุณสุรางค์เป็นแบบอย่างที่พี่อยากให้เราทุกคนยึดเป็นแนวทาง อย่าเผลอไปเลียนแบบบางคนบางคนที่ควรจะมองเป็นอุทาหรณ์

เกษมพึมพำ “เป็นตัวอย่างอย่าเป็นอุทาหรณ์”

วินัยต่อ “เรื่องที่สองก็คือ ผมทราบข่าวจากเพื่อนสองคนว่าถูกให้ออกจากงาน และเพื่อนอีกสองคนถูกเสนอให้เข้าโครงการเกษียณอายุแบบไม่เต็มใจ

ผมลองเปรียบเทียบดูกับองค์กรเราซึ่งได้ทั้งโบนัสและเงินเดือนขึ้น แม้จะไม่มาก แต่ก็ดีกว่าคนอื่นเยอะ
ผมเลยเปลี่ยนมุมมองใหม่ ถ้าอยากจะเป็นเยี่ยงอย่างให้คนรุ่นหลัง ผมต้องเลิกความเชื่อแบบเดิม ๆ หลายข้อ เช่น

  1. ต้องเลิกคิดทำงานแบบสบาย ๆ เพราะว่าเพื่อน ๆ ผมสี่คนนั้นคิดแบบสบาย ๆในอดีต ผมเองก็เคยเตือนพวกเขาเหมือนกัน แต่เขาไม่เชื่อ ในที่สุดก็ไม่สบาย ๆ อีกต่อไป แถมยังช้ำใจเพราะโดนให้ออกจากงานด้วย
  2. เลิกคิดว่า นี่ไม่ใช่งานฉัน หากผมจะยึดถือตัวอักษรของคำบรรยายลักษณะงาน หรือ Job Description (JD) แล้วละก็ ผมคงมีข้ออ้างมากมายที่จะปฏิเสธงานเพราะว่ามันไม่ได้อยู่ใน JD นั้น แต่ผมคิดว่าผมต้องเปลี่ยนความเชื่อใหม่เป็นว่า เมื่องานมาอยู่ตรงหน้าผมแล้วจะทำมันให้เสร็จอย่างไร จะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร แล้วลงมือทำ อย่าสนใจว่ามันเป็นงานของใคร
  3. ทัศนคติแบบ 9-5 ไม่มีใครว่าเราหรอกหากเราเข้างานและออกงานตรงเวลา เราสองคนเป็นผู้บริหาร แถมอายุก็มากด้วย เขาให้เกียรติในความอาวุโสของเรา แต่ผมว่าเขาจะยิ่งให้เกียรติเรามากขึ้นไปอีกนะ ถ้าเราทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีโดยมาทำงานเช้า กลับค่ำ ทำแบบเต็มที่ไปเลย
  4. รักษาหน้า ผมเคยกลัวเสียหน้ามาก่อนนะ ในที่ประชุมทำตัวเงียบ ๆ เรียบร้อย ไม่อยากเสนอความคิดทั้ง ๆที่คิดได้เยอะแยะ กลัวเสียหน้าหากคนอื่นว่าความคิดเราไม่ดี นายเราเขาอ่อนกว่า เขาก็ไม่อยากทำให้เราเสียหน้า จึงไม่ซักไซร้ไล่เรียงกับเรา ในกรณีที่เวลาไม่รู้หรือสงสัยก็ไม่กล้าถาม กลัวคนอื่นว่าโง่ แต่ผมคิดว่าหากทำตัวแบบเดิม ๆ เราก็อาจจะเป็นตัวอย่างที่ผิด ๆ ให้กับผู้บริหารหนุ่มสาวรุ่นหลังได้ว่านี่ควรเป็นบรรทัดฐานที่ควรปฏิบัติ ดังนั้น ผมจึงเปลี่ยนความเชื่อใหม่ว่า เราต้องกล้าแสดงความเห็น กล้าถาม ก่อนเข้าประชุมก็เตรียมตัวศึกษาเรื่องราวก่อนมาก ๆ จะได้มีข้อมูล ตอนนี้ผมเลยทำงานด้วยความสนุกผิดกับมื่อก่อนเลย
  5. เลิกขอไปที ผมเคยทำงานแบบพอใช้ได้ แบบผ่าน ๆ หรือขอไปที งานเราเมื่อทำแบบนั้น โดยปกติ นายมักจะต้องเสียเวลามาทำงานเสริมเพิ่มเติมเพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพออกไป แต่ว่าภาวะอย่างนี้ ทำแบบเดิมไม่ได้แล้ว ผมต้องทำงานทุกอย่างด้วยความตั้งใจ มันยากหน่อยตอนแรกนะ เพราะต้องโฟกัสและใส่ใจในรายละเอียด แต่ว่าพอทำไปแล้วก็ภาคภูมิใจ และรู้สึกเคารพตัวเองมากขึ้น ที่สำคัญคงจะกลับไปทำงานแบบขอไปทีไม่ได้แล้ว มันเป็นการดูถูกตัวเองไปหน่อย”