ความยุติธรรมและการให้อภัย

“อาจารย์คะ ชีวิตมันไม่ยุติธรรมเลย” เล็กโทรมาหาผม ตอนนี้เธอทำงานเป็น ผู้บริหารฝึกหัด (Management Trainee) ขององค์กรขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง

“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ” ผมถามกลับ

“ในโครงการ Management Trainee เรามีกัน 10 คน หลังการอบรมในประเทศ 6 เดือนพวกเราจะถูกส่งไปฝึกงานต่างประเทศเป็นเวลาหนึ่งเดือน มีเพียงประเทศอังกฤษและอเมริกาที่ทุกคนตื่นเต้นอยากไป นอกนั้นเป็นประเทศในอาเชี่ยนที่พวกเรารู้สึกเฉย ๆ

เล็กไม่ได้ไปอังกฤษและอเมริกาทั้งที่ผลการฝึกงาน 6 เดือนที่ผ่านมานั้นอยู่ในอันดับ 1หรือ 2 มาตลอด มันช่างไม่ยุติธรรมเลย

เจ้านายเป็นคนตัดสินใจว่าใครได้ไปประเทศไหน การตัดสินใจเธอต้องลำเอียงแน่เพราะเธอใกล้ชิดกับ 2 คนที่ได้ไปอังกฤษและอเมริกา

อาจารย์คิดว่าเจ้านายยุติธรรมมั๊ยละคะ”

“ผมไม่ทราบนะ แล้วผมก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะตัดสินเธอในเรื่องนี้ ใครเป็นคนประเมินผลงานของเจ้านายคุณล่ะ”

“ซีอีโอค่ะ”

“ฉะนั้น ตราบใดที่เจ้านายคุณยังอยู่ เธอก็เป็นผู้มีสิทธิตัดสินใจ”

“ก็เข้าใจค่ะ แต่โกรธเพราะนี่ไม่ใช่ความผิดของเล็กเลย”

“ทำไมคุณถึงโกรธเธอละ”

“เธอลำเอียงคะ”

“แล้วเล็กเองเคยต้องตัดสินใจเรื่องอะไรที่มีผลกระทบต่อคนอื่น ๆ บ้างมั๊ย”

“มีค่ะ เล็กเป็นลูกคนโตเลยมีหน้าที่ตัดสินใจว่าใครจะได้ของขวัญอะไรในช่วงงานเทศกาลต่าง ๆ”

“เวลาตัดสินใจ คุณทำอย่างไร”

“เล็กก็พยายามที่จะให้น้อง ๆ ทั้งสามได้รับของขวัญอย่างยุติธรรมที่สุด”

“แล้วพวกเขาเคยบ่นว่าไม่ยุติธรรมบ้างไหมครับ”

“บ่อยครั้งค่ะ”

“เห็นมั๊ยเล็ก เวลาที่เราเป็นคนตัดสินใจเราก็พยายามที่จะทำอย่างยุติธรรมที่สุด แต่เวลาที่เราเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจของผู้อื่นเราก็มักจะรู้สึกว่าเราไม่ได้รับความยุติธรรม ในกรณีนี้ สองคนที่ได้ไปอังกฤษและอเมริกาอาจรู้สึกว่าตัดสินยุติธรรมดี แต่หลายคนที่เหลืออาจไม่รู้สึกเช่นนั้น

แทนที่จะคร่ำครวญ คุณควรจะมองเรื่องนี้ในเชิงบวกว่าคุณได้เรียนรู้อะไรบ้าง”

“เล็กเรียนรู้ว่าสองคนนั้นได้ดีเพราะเอาใจเจ้านายตลอดเวลา”

“คุณตัดสินเพื่อนคุณอีกแล้ว พยายามมองแบบเป็นกลางแล้วบอกซิว่าสองคนนี้เค้าทำอะไรที่ต่างไปจากคุณบ้าง”

“พวกเขามักอาสาทำงานเพิ่มเติม แล้วก็สื่อสารกับเจ้านายอย่างสุภาพถึงแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยก็ตาม อ๋อ เล็กรู้แล้ว บางทีเล็กอาจจะแข็งกร้าวกับเจ้านายและทุกคนมากไป เวลาที่เล็กมีความเห็นที่แตกต่างจากคนอื่นก็จะพยายามผลักดันความเห็นของตัวเองโดยไม่ฟังใคร บางที่เล็กอาจต้องพยายามที่จะสื่อสารกับผู้อื่นอย่างมีกุศโลบายมากกว่านี้

แต่เล็กก็ยังผิดหวังอยู่ดี ที่ไม่ได้ไปสองประเทศนั้น”

“สิ่งที่คุณเรียนรู้ในตอนนี้มีค่ามากกว่าการได้ไปฝึกงานที่ประเทศเหล่านั้นเสียอีก”

“หมายความว่ายังไงคะ”

“คุณได้บทเรียนที่สำคัญมากในชีวิต คุณได้เรียนรู้ว่าการสื่อสารกับผู้ใหญ่อย่างแข็งกร้าวจะไม่สามารถซื้อใจได้ ผมเคยเห็นคนที่อายุกว่า 60 กว่าแล้วหลายคน  ยังติดนิสัยที่ไม่ดีนี้อยู่ เพราะพวกเขาอาจไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ในเรื่องนี้แบบคุณ”

“โอ้” เล็กเกิดช่วงเวลา “อะฮ้า” ขึ้น แล้วเธอก็เงียบไปสักครู่

“อาจารย์ เข้าใจแล้วค่ะ แต่เล็กยังมีอีกปัญหานะคะ”

“อะไรหรือ”

“หลังจากทราบประเทศที่จะไปฝึกงาน เล็กก็ตรงเข้าไปห้องเจ้านายเพื่อถามถึงเกณฑ์ในการตัดสิน เธอก็อธิบายให้ฟัง แต่เล็กไม่เห็นด้วยแล้วยังใส่อารมณ์กับเธอ หลังจากคุยเสร็จ ตอนออกจากห้องเล็กเหวี่ยงประตูปิดดังโครม เล็กว่าเธอต้องยังโกรธอยู่แน่ ๆ”

“แล้วตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรกับเธอ”

“ยังโกรธอยู่”

“เพราะอะไร”

“เธอไม่ยุติธรรม”

“เล็กคิดว่าตอนเธอตัดสินใจ เธอจงใจที่จะลำเอียงให้สองคนนั้นหรือ”

“อาจจะไม่”

“ผมเห็นด้วย เหตุการณ์มันก็คล้าย ๆ กับเวลาที่คุณตัดสินใจซื้อของขวัญให้น้องนั่นแหละ  ดังนั้นคุณควรทำทานด้วยการให้อภัยเธอ อย่างที่พระพุทธเจ้าเคยสอนใว้ว่าการให้มีอยู่สามอย่าง คือ ให้อภัย – อภัยทาน ให้ความรู้ – วิทยาทาน และให้สิ่งของ – อามิสทาน 

อภัยทานนั้นเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด รองลงมาคือวิทยาทาน และอามิสทาน”

“เล็กควรให้อภัยและกลับไปขอโทษเธอ และก็ขอให้เธอทำทานโดยการให้อภัยเล็กเช่นกันดีไหมคะ”