ผมพบกับเจมส์ในงานเลี้ยงหนึ่ง เจมส์มีท่าทีตื่นเต้นหลังจากทราบว่าผมเขียนคอลัมน์ Bridging the Gap ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ทุกวันจันทร์
หลังจากสนทนาสัพเพเหระสักครู่ เจมส์จึงกล่าวขึ้นว่า “นอกจากผมจะอ่านคอลัมน์ของคุณป็นประจำแล้ว ผมยังนำไปประยุกต์ใช้เสมอ มีเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่ามันช่วยผมได้มาก ผมคิดว่าน่าจะเป็นกรณีศึกษาที่ดีเลยละ คุณอยากฟังไหมครับ”
คราวนี้ผมตื่นเต้นยิ่งกว่าเจมส์เสียอีก แต่เขาไม่รู้หรอก เพราะผมสำรวมอาการไว้เพียงแค่ส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับพูดว่า “น่าสนใจครับ ผมคิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่านอื่น ๆ ด้วยนะครับ เรื่องราวมันเป็นอย่างไรหรือครับ”
เจมส์สาธยาย “ผมมีคนไทยทำงานให้ผมเจ็ดคน เป็นผู้จัดการรายงานตรงถึงผมห้าคน เป็นระดับหัวหน้าสองคนขึ้นตรงกับสองในห้าผู้จัดการ บางครั้งหัวหน้างานก็รายงานตรงกับผมในบางโครงการ
หลังจากผมอ่านคำแนะนำของคุณเรื่องการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อนร่วมงานชาวไทย โดยให้มีกิจกรรมสลายพฤติกรรมที่สนุก ๆ บ้าง สามเดือนที่แล้วผมก็เริ่มลองทำดู ปกติผมและคนไทยทั้งเจ็ดคนนั้นจะมีการประชุมทุกสัปดาห์ในวันศุกร์ตอนบ่าย ผมจึงเสนอไปว่าเราจะทานข้าวเย็นร่วมกันศุกร์เว้นศุกร์ และเราจะมีกิจกรรมสันทนาการกันเดือนละครั้ง โดยผมเริ่มถามความเห็นและทีมตกลงเริ่มด้วยโบว์ลิ่งก่อน ทีมงานค่อนข้างจะกระตือลือล้นและมีท่าทีตอบรับจนผมแปลกใจ
สองเดือนแรกทีมเกร็งบ้างเล็กน้อย หลังจากนั้นก็เริ่มจะมีความเป็นกันเองมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมพยายามทำตามที่คุณแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยไม่พูดคุยเรื่องงานในระหว่างกิจกรรมต่าง ๆ นอกออฟฟิศ ยกเว้นว่าพนักงานเกิดความสงสัย และเป็นผู้หยิบยกประเด็นขึ้นมาสนทนาก่อน
ผมตั้งใจฟังพวกเขาด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ผมพยายามพูดให้น้อยที่สุด ซึ่งยากหน่อยสำหรับผม แต่ก็พอไหวครับ ผมยิ้มมากขึ้นตามที่พวกเขาเสนอแนะ พวกเขาพูดคุยกันเรื่องที่เขาสนใจ งานอดิเรก เรื่องส่วนตัวของพวกเขา บางครั้งเขาก็พูดภาษาไทยกัน โชคดีที่ผมทำอย่างที่คุณบอกอีกนะแหละ ผมเรียนภาษาไทยอยู่ ถึงแม้ว่าจะเพิ่งรู้งู ๆ ปลา ๆ ผมก็อาศัยการอ่านภาษากายประกอบ ก็พอคาดเดาได้ หลังจากที่ผมตั้งใจฟังพวกเขาอย่างจริงจัง พวกเขาก็เริ่มสนใจอยากฟังเรื่องของผมบ้าง ผมเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับตัวผม ครอบครัว งานอดิเรก และอื่น ๆ อีกมากมาย
ผมเริ่มเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขา มันทำให้ผมเริ่มเปลี่ยนมุมมองที่ผมมีกับเขาไปมาก ในขณะเดียวกันเขาก็ฟังเรื่องราวของผมและก็เริ่มเปลี่ยนมุมมมองที่มีต่อผมมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ในวันเสาร์วันหนึ่งของเดือนที่แล้ว ผมและทีมทั้งเจ็ดไปเลี้ยงอาหารกลางวันบ้านเด็กกำพร้า มันสนุกและอิ่มเอิบจากการให้ เราไปโดยรถแวนคันใหญ่ของผม มีคนขับรถขับไปให้ ระหว่างทางเราพูดคุยแบบเป็นกันเองด้วยความเฮฮา พวกเขาเริ่มผ่อนคลายเมื่ออยู่กับผม เขาเริ่มรู้แล้วว่า ผมเองไม่ใช่คนที่น่ากลัว จริง ๆ แล้วผมสามารถจะเข้ามาหาได้ง่าย ๆ ไม่ว่าพนักงานคนนั้นจะอาวุโสมากน้อยเพียงใดก็ตาม
อ้อ ผมลืมเล่าไปว่า ก่อนหน้าที่ทีมงานและผมจะคุ้นเคยกันนั้น พวกเขารู้สึกว่าผมเป็นคนซีเรียสและจริงจังกับงานมาก วัน ๆ ของผม พวกเขามองว่ามีแต่คำว่า งาน งาน และงาน ภาพพจน์อันนั้นเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมากหลังจากที่ความคุ้นเคยมีมากขึ้น
วันจันทร์ถัดมาหลังจากไปบ้านเด็กกำพร้า ยุวดีหัวหน้างานซึ่งรายงานต่อมานะซึ่งเป็นผู้จัดการ ได้แวะมาคุยกับผมครั้งแรกในออฟฟิศผม เธอบอกว่าผมดูไม่น่ากลัวเหมือนที่เข้าใจผิดไปในตอนแรก เธอมัปัญหาเรื่องงานที่ต้องการคำปรึกษาและคำแนะนำจากผม
เธอบอกว่าเธอมีเรื่องหนักใจมากถึงขั้นตอนของงานโครงการสำคัญโครงการหนึ่ง ซึ่งเมื่อเธอติดขัดก็จะมาถามมานะในฐานะผู้จัดการที่รับผิดชอบงานนี้ มานะซึ่งปกติยุ่งมากอยู่แล้วก็จะรอนำเรื่องนี้ซึ่งเขาไม่ค่อยสันทัดเท่าไรนักมาปรึกษาหารือจากผมก่อน ความล่าช้าและปัญหาที่หมักหมมทำให้เธอเกือบจะลาออกไปเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว แต่หลังจากที่เธอเห็นท่าทีของผมแล้ว เธอจึงอยากลองปรึกษาผมดูว่าจะเป็นไปได้ไหมหากเธอจะรายงานตรงเลยกับผมในงานโครงการนี้เท่านั้น
ผมบอกเธอว่าผมจะต้องปรึกษามานะก่อนเพื่อรักษาหน้าเขา ผมคงสัญญาไม่ได้จนกว่าจะคุยกับมานะก่อน หากผมผลีผลามข้ามหน้าเขาไปมานะคงไม่มีความสุข และทีมก็คงไม่มีความสุขอยู่ดี เธอตกลง
วันต่อมาพอมีจังหวะ ผมลองปรึกษามานะดู ผมพูดโดยใช้กุศโลบายด้วยละครับ โดยการถามมานะว่าโครงการที่เขาทำอยู่นั้น ผมมีทางช่วยเหลืออะไรได้บ้าง มานะบอกว่าอยากให้ผมช่วยรับงานโครงการยุวดีไปหน่อยจะได้หรือไม่ เขาบอกว่าหากผมจะกรุณาเขาอยากฝากยุวดีให้รายงานตรงกับผมเลยในโครงการนี้ เขามองไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะให้เขาทำหน้าที่คนกลางในลักษณะนี้ โดยเฉพาะในภาวะที่หลายโครงการในมือเขาก็ทำแทบไม่ทันแล้ว
เรื่องนี้จบลงโดยที่ทุกคนแฮ๊ปปี้ ผมว่ามันเป็นตัวอย่างที่ดีของการประยุกต์ใช้ เชื่อมช่องว่างของคุณเลยนะคุณเกรียงศักดิ์ งานนี้หากผมมองข้ามเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผมกับทีมแล้วละก็ ป่านนี้ผมคงเสียยุวดีไปแล้วละ เธอเป็นคนเก่งมีศักยภาพสูง วันหนึ่งเธอสามารถขึ้นมาเป็นผู้บริหารระดับสูงได้ที่นี่ เธอเครียดจนเกือบลาออกแล้ว คำแนะนำของคุณช่วยผมรักษาคนดี และโครงการสำคัญของผมก็ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด”