**เนื้อหาในบทความนี้ได้รับความช่วยเหลือจาก AI Google (Gemini) ในการรวบรวมข้อมูล (11 กันยายน 2567)**
Soft Skills หรือทักษะทางสังคม มีความสำคัญอย่างมากสำหรับ knowledge workers หรือผู้ปฏิบัติงานที่ใช้ความรู้เป็นหลักในการทำงาน เนื่องจากงานประเภทนี้มักเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน การทำงานร่วมกับผู้อื่น และการสื่อสารข้อมูลที่ซับซ้อน ทักษะเหล่านี้ช่วยให้ knowledge workers สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
ทักษะที่สำคัญสำหรับ knowledge workers ประกอบด้วย:
1. การสื่อสาร: ทักษะนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ knowledge workers เนื่องจากพวกเขาต้องสื่อสารข้อมูลที่ซับซ้อนให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่าย ทั้งการพูด การเขียน และการนำเสนอข้อมูล
2. การทำงานเป็นทีม: knowledge workers มักจะต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นในทีม ดังนั้นทักษะในการทำงานร่วมกัน การประสานงาน และการแก้ไขข้อขัดแย้งจึงเป็นสิ่งสำคัญ
3. การแก้ปัญหา: knowledge workers ต้องเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อนและท้าทายอยู่เสมอ ทักษะในการวิเคราะห์ปัญหา คิดวิเคราะห์ และตัดสินใจจึงเป็นสิ่งจำเป็น
4. การคิดวิเคราะห์: ทักษะนี้ช่วยให้ knowledge workers สามารถประเมินข้อมูล คิดอย่างมีเหตุผล และตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ความคิดสร้างสรรค์: ความสามารถในการคิดนอกกรอบและสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ๆ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับ knowledge workers ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนานวัตกรรม
6. การปรับตัว: โลกของการทำงานกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว knowledge workers ต้องมีความสามารถในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ
7. การจัดการเวลา: การจัดลำดับความสำคัญของงานและการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ knowledge workers เพื่อให้สามารถทำงานได้สำเร็จตามกำหนดเวลา
8. ภาวะผู้นำ: แม้ว่า knowledge workers ทุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นผู้จัดการ แต่ทักษะในการเป็นผู้นำ เช่น การสร้างแรงบันดาลใจ การมีอิทธิพลต่อผู้อื่น และการตัดสินใจ เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์
การพัฒนา Soft Skills ด้วย 70:20:10 Framework
70:20:10 Framework เป็นโมเดลการเรียนรู้และพัฒนาโดย Morgan McCall, Michael Lombardo และ Robert Eichinger ที่ศูนย์ Center for Creative Leadership พบว่าการเรียนรู้และพัฒนา Soft Skills มาจาก 3 แหล่งหลัก คือ
70% มาจากประสบการณ์จริงในการทำงาน (Challenging Assignments and Experiential Learning)
20% มาจากการเรียนรู้จากผู้อื่น (Developmental Relationships)
10% มาจากการฝึกอบรมอย่างเป็นทางการ (Coursework and Training)
70% – การเรียนรู้จากประสบการณ์จริงในการทำงาน (Experiential Learning)
– มอบหมายงานที่ท้าทาย: ให้พนักงานได้รับมอบหมายงานที่ต้องใช้ Soft Skills ที่ต้องการพัฒนา เช่น การนำเสนอ, การเจรจาต่อรอง, การทำงานเป็นทีม
– สร้างสถานการณ์จำลอง: จัดกิจกรรมหรือสถานการณ์จำลองที่ให้พนักงานได้ฝึกฝน Soft Skills ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เช่น การเล่นบทบาทสมมติ, การแก้ปัญหาเป็นกลุ่ม
– ให้ Feedback อย่างสม่ำเสมอ: ผู้บังคับบัญชาหรือเพื่อนร่วมงานควรให้ Feedback ที่สร้างสรรค์แก่พนักงาน เพื่อให้พวกเขาเรียนรู้จากความสำเร็จและความผิดพลาด
20% – การเรียนรู้จากผู้อื่น (Social Learning)
– Mentoring & Coaching: จัดให้พนักงานมีพี่เลี้ยงหรือโค้ชที่มีความเชี่ยวชาญใน Soft Skills ที่ต้องการพัฒนา เพื่อให้คำแนะนำและสนับสนุน
– การเรียนรู้แบบ Peer-to-Peer: สนับสนุนให้พนักงานแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับเพื่อนร่วมงาน เพื่อเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
– สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้: จัดตั้งกลุ่มหรือชุมชนที่พนักงานสามารถแบ่งปันความรู้ แนวคิด และประสบการณ์เกี่ยวกับ Soft Skills
10% – การเรียนรู้จากการฝึกอบรม (Formal Learning)
– จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ: เลือกหลักสูตรอบรมที่เน้นการฝึกปฏิบัติจริง และเกี่ยวข้องกับ Soft Skills ที่ต้องการพัฒนา
– E-Learning: ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อให้พนักงานเข้าถึงเนื้อหาการเรียนรู้เกี่ยวกับ Soft Skills ได้สะดวกและตามความต้องการ
– การเรียนรู้แบบผสมผสาน: ผสมผสานการเรียนรู้แบบดั้งเดิมกับการเรียนรู้ออนไลน์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ 70:20:10 Framework เพื่อพัฒนา Soft Skills
ทักษะการสื่อสาร:
70%: ให้พนักงานนำเสนอผลงานในที่ประชุมทีม
20%: จัดให้มีพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำในการสื่อสาร
10%: จัดอบรมหลักสูตรการพูดในที่สาธารณะ
ทักษะการทำงานเป็นทีม:
70%: มอบหมายโครงการที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย
20%: จัดกิจกรรม team building เพื่อส่งเสริมการทำงานเป็นทีม
10%: จัดอบรมหลักสูตรการบริหารความขัดแย้ง
ข้อดีของการใช้ 70:20:10 Framework
– เน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ทำให้พนักงานสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ได้ทันที
– ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ทำให้พนักงานพัฒนา Soft Skills อย่างต่อเนื่อง
– สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ในองค์กร
ข้อควรพิจารณา
– การนำ 70:20:10 Framework ไปใช้อาจต้องปรับให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละองค์กร
– ต้องมีการติดตามและประเมินผลการเรียนนี้อย่างสม่ำเสมอ
– ผู้บริหารต้องให้การสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนนี้อย่างเต็มที่