ผู้จัดการ vs ผู้อำนวยการ: ความต่างในบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ

**เนื้อหาในบทความนี้ได้รับความช่วยเหลือจาก AI Google (Gemini) ในการรวบรวมข้อมูล (กันยายน 2567)**

ผู้จัดการบริหารผลงานของทีม

เมื่อเขาได้โปรโมทขึ้นเป็นผู้อำนวยการ

หน้าที่เขาคือบริหารผลงานของผู้จัดการทีม

คำถามคือ

หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้จัดการต่างกันอย่างไร

บทบาทผู้จัดการและผู้อำนวยการต่างกันอย่างไรในเรื่องต่อไปนี้ 

1. การวางแผน

2. การมอบหมายงาน

3. การติดตามงาน

4. การประเมินผลงาน 

5. การใช้เวลาในการทำงาน

เมื่อผู้จัดการได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการ แม้ว่าเป้าหมายหลักยังคงเป็นการบริหารผลงาน แต่ขอบเขตและลักษณะของงานจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ นี่คือความแตกต่างหลัก ๆ ใน 5 ด้าน:

1. การวางแผน

ผู้จัดการ: มุ่งเน้นการวางแผนระยะสั้นและปฏิบัติการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของทีมหรือแผนก โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ผู้อำนวยการ: มองภาพรวมในระยะยาว กำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์ขององค์กร วางแผนเพื่อการเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน

2. การมอบหมายงาน

ผู้จัดการ: มอบหมายงานโดยตรงให้กับสมาชิกในทีม โดยให้คำแนะนำและติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด

ผู้อำนวยการ: มอบหมายงานให้กับผู้จัดการทีม โดยให้ความไว้วางใจและให้อิสระในการบริหารจัดการทีมของตนเอง

3. การติดตามงาน

ผู้จัดการ: ติดตามงานในรายละเอียด ตรวจสอบความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ และให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงงาน

ผู้อำนวยการ: ติดตามผลงานโดยรวมของทีม มุ่งเน้นที่ผลลัพธ์และตัวชี้วัดความสำเร็จหลัก

4. การประเมินผลงาน

ผู้จัดการ: ประเมินผลงานของสมาชิกในทีมแต่ละคน โดยให้ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนา

ผู้อำนวยการ: ประเมินผลงานของผู้จัดการทีม โดยดูจากความสามารถในการนำทีมไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด

5. การใช้เวลาในการทำงาน

ผู้จัดการ: ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำงานร่วมกับทีม แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และบริหารจัดการงานประจำวัน

ผู้อำนวยการ: ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการวางแผนเชิงกลยุทธ์ สร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก และตัดสินใจในระดับบริหาร

สรุป

การเปลี่ยนจากผู้จัดการเป็นผู้อำนวยการ เป็นการเปลี่ยนจากการทำงานในระดับปฏิบัติการ ไปสู่การทำงานในระดับเชิงกลยุทธ์มากขึ้น ผู้จัดการต้องปรับตัวให้เข้ากับบทบาทใหม่ โดยมุ่งเน้นที่การสร้างวิสัยทัศน์ การพัฒนาผู้นำ และการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว

คำแนะนำเพิ่มเติม

พัฒนาทักษะการเป็นผู้นำ: เน้นการสร้างแรงบันดาลใจ การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

เรียนรู้ที่จะมอบหมายงานและให้อำนาจ: ไว้วางใจผู้จัดการทีม และให้โอกาสพวกเขาในการตัดสินใจและแก้ไขปัญหา

มองภาพรวมและคิดเชิงกลยุทธ์: มองการณ์ไกล วางแผนล่วงหน้า และเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต

สร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์: สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอกองค์กร

การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นเรื่องท้าทาย แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีในการเติบโตและพัฒนาตนเองในฐานะผู้นำ หากคุณสามารถปรับตัวและพัฒนาทักษะที่จำเป็นได้ คุณก็จะประสบความสำเร็จในบทบาทผู้อำนวยการ และนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนได้อย่างแน่นอน