ประสบการณ์ที่ยากลำบากทำให้เก่งในเวลาอันสั้น

70/20/10 Framework แนวคิดที่พัฒนาโดย Morgan McCall, Robert Eichinger และ Michael Lombardo จาก Center for Creative Leadership มีหลักการคือ การพัฒนาทักษะ ทำได้โดยสามกิจกรรมตามสัดส่วนคือ 

– จากชั้นเรียน / การฝึกอบรม 10% 

– จากการโค้ช / มีพี่เลี้ยงช่วยสอน 20% 

– จากประสบการณ์การทำงาน 70%

ประสบการณ์ที่ยากลำบาก ทำให้เก่งในเวลาอันสั้น เช่น

1. บริหารทีมงานธุรกิจที่มีปัญหา

2. บริหารทีมงานที่ขาดประสบการณ์

3. บริหารทีมงานที่มีความสามารถในการทำงานไม่ได้มาตราฐาน

4. บริหารทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญสูงมากกว่าเรา

5. บริหารทีมงานที่ปฏิบัติงานประจำที่ซ้ำซากน่าเบื่อ

6. บริหารทีมงานที่ขยายและเติบโตอย่างรวดเร็ว

7. ดูแลการตัดงบประมาณ

เพราะว่า แต่ละประสบการณ์ มีข้อดีอย่างน้อยสามข้อดังนี้

ข้อ 1. บริหารทีมงานธุรกิจที่มีปัญหา

ข้อดีข้อที่ 1 : ได้ฝึกทักษะการแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจภายใต้ความกดดัน

ข้อดีข้อที่ 2 : พัฒนาความสามารถในการมองเห็นและจัดการกับความท้าทายที่ซับซ้อน

ข้อดีข้อที่ 3 : ส่งเสริมทักษะการสื่อสารและการประสานงานเพื่อสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพ

ข้อ 2. บริหารทีมงานที่ขาดประสบการณ์

ข้อดีข้อที่ 1 : ได้ฝึกทักษะการสอนและถ่ายทอดความรู้

ข้อดีข้อที่ 2 : ได้ฝึกทักษะการกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจ

ข้อดีข้อที่ 3 : ปรับปรุงทักษะการจัดการทรัพยากรมนุษย์และการวางแผนระยะยาว

ข้อ 3. บริหารทีมงานที่มีความสามารถในการทำงานไม่ได้มาตรฐาน

ข้อดีข้อที่ 1 : ได้ฝึกทักษะการกำกับดูแลและติดตามงาน

ข้อดีข้อที่ 2 : ได้ฝึกทักษะการมอบหมายงานและมอบอำนาจ

ข้อดีข้อที่ 3 : ได้ฝึกทักษะการเจรจาต่อรอง

ข้อ 4. บริหารทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญสูงมากกว่าเรา

ข้อดีข้อที่ 1 : ส่งเสริมทักษะในการเรียนรู้และการยอมรับคำแนะนำจากผู้อื่น

ข้อดีข้อที่ 2 : พัฒนาความสามารถในการเป็นผู้นำที่มีความยืดหยุ่นและการปรับตัว

ข้อดีข้อที่ 3 : เสริมสร้างความไว้วางใจและการเคารพต่อความสามารถของทีม

ข้อ 5. บริหารทีมงานที่ปฏิบัติงานประจำที่ซ้ำซากน่าเบื่อ

ข้อดีข้อที่ 1 : พัฒนาทักษะในการสร้างแรงจูงใจและการปรับปรุงกระบวนการทำงาน

ข้อดีข้อที่ 2 : เสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในทีม

ข้อดีข้อที่ 3 : ปรับปรุงการจัดการทรัพยากรและการกำหนดเป้าหมายใหม่ ๆ

ข้อ 6. บริหารทีมงานที่ขยายและเติบโตอย่างรวดเร็ว

ข้อดีข้อที่ 1 : ได้ฝึกทักษะการวางแผนและการจัดสรรทรัพยากร

ข้อดีข้อที่ 2 : ได้ฝึกทักษะการโน้มน้าวและจูงใจผู้อื่น

ข้อดีข้อที่ 3 : ได้ฝึกทักษะการปรับตัวและการเปลี่ยนแปลง

ข้อ 7. ดูแลการตัดงบประมาณ

ข้อดีข้อที่ 1 : พัฒนาทักษะการจัดการทางการเงินและการวิเคราะห์ทางธุรกิจ

ข้อดีข้อที่ 2 : เสริมสร้างความสามารถในการตัดสินใจที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร

ข้อดีข้อที่ 3 : ปรับปรุงการสื่อสารกับทีมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับการจัดสรรทรัพยากร

นอกจากนี้ ประสบการณ์การทำงานที่ดียังช่วยให้บุคลากรได้พัฒนาทักษะอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น 

ทักษะการสื่อสาร 

ทักษะการทำงานเป็นทีม 

ทักษะการแก้ปัญหา 

ทักษะการคิดวิเคราะห์ 

ทักษะการโน้มน้าวและจูงใจผู้อื่น เป็นต้น 

ซึ่งทักษะเหล่านี้ล้วนเป็นทักษะที่จำเป็นในการทำงานในยุคปัจจุบัน

สรุป:

ประสบการณ์การทำงานที่ดีทั้ง 7 ข้อที่กล่าวมา เป็นงานยากและท้าทาย สร้างแรงกดดันให้คนทำงาน

หากเราไม่ได้เป็นคนที่คิดจะเติบโตและก้าวหน้า เราอาจจะเป็นทุกข์มาก

แต่หากเราปรารถนาจะเติบโตและก้าวหน้าในเวลาอันสั้น ประสบการณ์เหล่านี้มีประโยชน์มาก

เราอาจจะไม่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจมากนักในขณะที่นำโครงการเหล่านี้

แต่เราจะได้เรียนรู้และพัฒนาแบบก้าวกระโดด

หากเราเรียนปริญญาโทหรือปริญญาเอก เราอาจจะสอบตกหากทำข้อสอบพลาด

แต่ปริญญาประสบการณ์นั้น หากเราทำพลาดเราได้บทเรียนและองค์กรก็ไม่ได้คิดค่าเล่าเรียนเราเพิ่ม 

แถมยังจ่ายเงินเดือนให้เราเท่าเดิมด้วย เพื่อให้เราเก่งขึ้น

ดังนั้น การเรียนรู้จากประสบการณ์เราจึงมีแต่ได้กับได้ครับ

เราไม่มีสิทธิ์เลือกสภาวะแวดล้อม

แต่เรามีสิทธิ์เลือกทัศนคติได้เสมอครับ