ในยุคปัจจุบัน คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้บริหารระดับกลางจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่เหล่านี้
ซึ่งอาจมีความแตกต่างจากคนรุ่นก่อน ๆ อยู่บ้าง
จากประสบการณ์ของผู้บริหารหลาย ๆ คน พบว่า วิธีการบริหารคนรุ่นใหม่ที่ได้ผลดี มีอยู่ 7 ข้อ ดังนี้
1. ไม่ด่วนสรุป ตัดสินพวกเขาจากกิริยา/มารยาท
คนรุ่นใหม่อาจดูห้วน ๆ บางครั้งดูเหมือนไม่มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่เหมือนคนรุ่นก่อน แต่จริง ๆ แล้วอาจเป็นเพราะพวกเขาเติบโตมาในสังคมที่เปิดกว้างและเท่าเทียมกัน ผู้บริหารจึงไม่ควรด่วนสรุปหรือตัดสินพวกเขาจากภายนอก
ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม เช่น เมื่อลูกน้องเข้ามาทำงานใหม่ ผู้บริหารอาจเห็นท่าทีที่ไม่เป็นทางการและพูดจาแบบไม่มีหางเสียง ผู้บริหารไม่ควรคิดว่าลูกน้องคนนี้ไม่มีมารยาท แต่ควรมองว่าเป็นลักษณะปกติของคนรุ่นนี้ เมื่อมีเวลาก็อาจจะใช้วิธีค่อย ๆ แนะนำวิธีที่เหมาะกับบริบทด้วยความเมตตาให้พวกเขามากขึ้น
2. เชื่อมั่นว่าเขามีศักยภาพ
คนรุ่นใหม่อาจขาดประสบการณ์ในการทำงาน แต่พวกเขาก็มีความกระตือรือร้นและมีความคิดสร้างสรรค์อยู่ไม่น้อย ผู้บริหารจึงควรเชื่อมั่นในศักยภาพของพวกเขา และมอบหมายงานที่ท้าทายให้พวกเขาได้ลองทำ
ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม เช่น ผู้บริหารอาจมอบหมายให้ลูกน้องที่เพิ่งจบการศึกษามาใหม่ รับผิดชอบโครงการเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อช่วยฝึกฝนทักษะการทำงานจริง
3. มอบหมายงานท้าทาย โดยบอกเป้าหมายให้ชัดเจน
เมื่อมอบหมายงานให้คนรุ่นใหม่ ผู้บริหารควรบอกเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อให้ลูกน้องเข้าใจว่างานชิ้นนั้นต้องการอะไรและต้องทำอย่างไร จากนั้นจึงให้กรอบการทำงานแบบกว้าง ๆ ให้ลูกน้องได้คิดหาหนทางวิธีการทำงานด้วยตัวเองก่อน อย่ารีบครอบงำวิธีการเดิมโดยไม่ได้ให้เขาได้คิดเลย
ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม เช่น เมื่อมอบหมายให้ลูกน้องเขียนบทความเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ผู้บริหารอาจบอกเป้าหมายว่าต้องการให้บทความมีความน่าสนใจและดึงดูดผู้อ่าน จากนั้นจึงให้กรอบการทำงานแบบกว้าง ๆ ให้ลูกน้องได้คิดหาหัวข้อและเนื้อหาด้วยตัวเอง
4. ให้ข้อมูลย้อนกลับตรงไปตรงมา
ข้อมูลย้อนกลับ (feedback) เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการพัฒนาการทำงาน ผู้บริหารควรให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ลูกน้องอย่างตรงไปตรงมา ในเวลาที่เหมาะสม และให้เป็นเชิงสร้างสรรค์ โดยระบุไปที่พฤติกรรมและผลลัพธ์
ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม เช่น เมื่อลูกน้องทำงานชิ้นหนึ่งเสร็จ ผู้บริหารอาจให้ข้อมูลย้อนกลับว่า เนื้อหาของบทความน่าสนใจดี แต่อาจมีบางจุดที่ควรปรับปรุง เช่น การใช้ภาษาหรือการจัดลำดับเนื้อหา
5. เรื่องของใจสำคัญที่สุด
คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในที่ทำงานเป็นอย่างมาก ผู้บริหารจึงควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกน้อง โดยให้ความเป็นกันเอง ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง และมีการพบปะพูดคุยกันบ้างนอกเรื่องงาน
ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม เช่น ผู้บริหารอาจชวนลูกน้องไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน หรือพูดคุยเรื่องส่วนตัวบ้างในบางครั้ง
6. เวลาประชุม ไม่ต้องอารัมภบทเยิ่นเย้อ
คนรุ่นใหม่มักใจร้อน ผู้บริหารจึงควรใช้เวลาที่ประชุมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องอารัมภบทเยิ่นเย้อ ตอกย้ำรายละเอียด พูดให้ตรงประเด็น กระชับ ชัดเจน
ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม เช่น เมื่อเริ่มประชุม ผู้บริหารอาจเริ่มต้นด้วยการสรุปประเด็นสำคัญที่ต้องคุยกัน จากนั้นจึงเริ่มเข้าสู่ประเด็นทีละประเด็นอย่างมีลำดับ ไม่จำเป็นก็ไม่ควรเล่าประวัติศาสตร์จนละเอียด หรือเล่าเรื่องความสำเร็จในอดีตซ้ำ ๆ บ่อย ๆ
7. ติดตามงานเป็นระยะ
ผู้บริหารควรติดตามงานของลูกน้องเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาทำงานตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ แต่ไม่ควรติดตามงานล้วงลูกทุกวัน เพราะอาจทำให้ลูกน้องรู้สึกอึดอัดหรือกดดัน
ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม เช่น ผู้บริหารอาจนัดหมายกับลูกน้องเพื่อติดตามงานทุกสัปดาห์ หรือสอบถามความคืบหน้าของงานเป็นระยะ ๆ ผ่านอีเมลหรือช่องทางอื่น ๆ
โดยสรุปแล้ว การบริหารคนรุ่นใหม่นั้น ผู้บริหารควรเข้าใจถึงความแตกต่างของพฤติกรรมและทัศนคติของคนรุ่นใหม่ จากนั้นจึงปรับวิธีการบริหารให้เหมาะสม เพื่อให้สามารถพัฒนาศักยภาพของลูกน้องและนำไปสู่ความสำเร็จขององค์กร