1. ก่อนพบใคร ทำการบ้าน ศึกษาเรื่องของเขา
2. ใช้ความช่างสังเกต ศึกษาคนแต่ละคนเมื่อพบกัน
3. ตั้งคำถามเปิด ที่ทำให้คนให้ข้อมูลได้เยอะ
4. ฟังอย่างตั้งใจเป็นเสน่ห์ของคนเงียบ ๆ
5. คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าคู่สนทนาที่ฟังคือคนใส่ใจ
6. พูดน้อย แต่เลือกพูดถูกจังหวะ ดีกว่าคนพูดมาก
7. ใช้ผลงานเป็นเลิศพูด เสียงดังกว่า ใช้เพียงลมปาก
ช่วยอธิบายทั้งเจ็ดข้อว่า ในแต่ละข้อ
A. มีวิธีการอย่างไร
B. มีขั้นตอนอย่างไร
C. ข้อควรระวัง Do & Don’t
D. และตัวอย่างประกอบ
นี่คือแนวทางที่ perplexity-AI ให้คำแนะนำมา…
## 1. ก่อนพบใคร ทำการบ้าน ศึกษาเรื่องของเขา
**A. วิธีการ:**
ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับคู่สนทนาล่วงหน้า เพื่อเข้าใจพื้นฐาน ความสนใจ และประเด็นที่อาจเกี่ยวข้อง
**B. ขั้นตอน:**
1. ค้นหาข้อมูลออนไลน์ เช่น โปรไฟล์ LinkedIn หรือเว็บไซต์บริษัท
2. สอบถามข้อมูลจากคนรู้จักร่วมกัน
3. ทบทวนประเด็นที่อาจเกี่ยวข้องกับการพบปะ
**C. ข้อควรระวัง:**
– Do: เตรียมประเด็นสนทนาที่น่าสนใจ
– Don’t: แสดงความรู้มากเกินไปจนดูก้าวร้าว
**D. ตัวอย่าง:**
ก่อนการประชุมกับลูกค้า ศึกษาประวัติบริษัท ผลิตภัณฑ์ และความท้าทายในอุตสาหกรรม เพื่อเตรียมคำถามและข้อเสนอที่ตรงประเด็น
## 2. ใช้ความช่างสังเกต ศึกษาคนแต่ละคนเมื่อพบกัน
**A. วิธีการ:**
สังเกตภาษากาย น้ำเสียง และปฏิกิริยาของคู่สนทนาเพื่อปรับการสื่อสารให้เหมาะสม
**B. ขั้นตอน:**
1. สังเกตท่าทางและการแสดงออก
2. ฟังน้ำเสียงและคำพูดอย่างตั้งใจ
3. ปรับการสื่อสารให้สอดคล้องกับสิ่งที่สังเกตเห็น
**C. ข้อควรระวัง:**
– Do: ใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยที่อาจมีความหมาย
– Don’t: จ้องมองจนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด
**D. ตัวอย่าง:**
สังเกตว่าคู่สนทนามีท่าทางกระสับกระส่าย อาจปรับการสนทนาให้สั้นกระชับ หรือเสนอให้พักก่อนพูดคุยต่อ
## 3. ตั้งคำถามเปิด ที่ทำให้คนให้ข้อมูลได้เยอะ
**A. วิธีการ:**
ใช้คำถามที่ต้องการคำตอบมากกว่าแค่ “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” เพื่อกระตุ้นการสนทนา
**B. ขั้นตอน:**
1. เริ่มคำถามด้วย “อะไร” “อย่างไร” “ทำไม” “เมื่อไหร่” “ที่ไหน”
2. ฟังคำตอบอย่างตั้งใจ
3. ถามคำถามต่อเนื่องจากคำตอบที่ได้รับ
**C. ข้อควรระวัง:**
– Do: แสดงความสนใจในคำตอบของอีกฝ่าย
– Don’t: ถามคำถามที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวหรือสร้างความอึดอัด
**D. ตัวอย่าง:**
แทนที่จะถามว่า “คุณชอบงานของคุณไหม?” ให้ถามว่า “อะไรที่คุณชอบมากที่สุดในงานของคุณ?”
## 4. ฟังอย่างตั้งใจเป็นเสน่ห์ของคนเงียบ ๆ
**A. วิธีการ:**
ให้ความสนใจเต็มที่กับสิ่งที่คู่สนทนาพูด โดยไม่คิดเรื่องอื่นหรือเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้า
**B. ขั้นตอน:**
1. มองตาคู่สนทนาอย่างเหมาะสม
2. แสดงท่าทางสนใจ เช่น พยักหน้า
3. สรุปประเด็นสำคัญเป็นระยะเพื่อแสดงว่าเข้าใจ
**C. ข้อควรระวัง:**
– Do: แสดงความเข้าใจด้วยภาษากาย
– Don’t: ขัดจังหวะหรือเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน
**D. ตัวอย่าง:**
เมื่อเพื่อนร่วมงานเล่าถึงปัญหาในโครงการ ฟังอย่างตั้งใจ และสรุปประเด็นสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าเข้าใจถูกต้อง
## 5. คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าคู่สนทนาที่ฟังคือคนใส่ใจ
**A. วิธีการ:**
แสดงความสนใจและเข้าใจในสิ่งที่คู่สนทนาพูด เพื่อสร้างความรู้สึกว่าคุณใส่ใจ
**B. ขั้นตอน:**
1. ตอบสนองด้วยคำพูดสั้นๆ เช่น “เข้าใจแล้ว” “น่าสนใจจัง”
2. ถามคำถามเพื่อขยายความเข้าใจ
3. แสดงความเห็นอกเห็นใจเมื่อเหมาะสม
**C. ข้อควรระวัง:**
– Do: แสดงความเข้าใจในอารมณ์ของคู่สนทนา
– Don’t: แสร้งทำเป็นเข้าใจในเรื่องที่ไม่เข้าใจจริง
**D. ตัวอย่าง:**
เมื่อเพื่อนเล่าถึงความกังวลเรื่องงาน ตอบว่า “ฉันเข้าใจว่าคุณรู้สึกกดดัน มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้บ้างไหม?”
## 6. พูดน้อย แต่เลือกพูดถูกจังหวะ ดีกว่าคนพูดมาก
**A. วิธีการ:**
รอจังหวะที่เหมาะสมในการพูด และเลือกคำพูดที่มีน้ำหนักและตรงประเด็น
**B. ขั้นตอน:**
1. ฟังการสนทนาอย่างตั้งใจ
2. คิดไตร่ตรองก่อนพูด
3. เลือกจังหวะที่เหมาะสมในการแสดงความคิดเห็น
**C. ข้อควรระวัง:**
– Do: พูดเมื่อมีสิ่งสำคัญที่จะเพิ่มเติมในการสนทนา
– Don’t: พูดแทรกหรือขัดจังหวะผู้อื่น
**D. ตัวอย่าง:**
ในการประชุมทีม รอให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นก่อน แล้วจึงสรุปประเด็นสำคัญและเสนอแนวทางแก้ปัญหาที่ครอบคลุม
## 7. ใช้ผลงานเป็นเลิศพูด เสียงดังกว่า ใช้เพียงลมปาก
**A. วิธีการ:**
ให้ความสำคัญกับการสร้างผลงานที่โดดเด่น แทนการพูดโอ้อวด
**B. ขั้นตอน:**
1. ตั้งใจทำงานให้มีคุณภาพ
2. บันทึกผลสำเร็จและความก้าวหน้า
3. นำเสนอผลงานอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อมีโอกาส
**C. ข้อควรระวัง:**
– Do: ให้เกียรติผู้อื่นที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จ
– Don’t: โอ้อวดหรือเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น
**D. ตัวอย่าง:**
แทนที่จะพูดว่าตนเองเก่ง ให้นำเสนอผลลัพธ์ของโครงการที่ประสบความสำเร็จ พร้อมข้อมูลสนับสนุนที่ชัดเจน