“คุณเกรียงศักดิ์ ผมอยากให้คุณโค้ชผมในการโค้ชทีมงานครับ” คุณนาวีเป็นกรรมการผู้จัดการใหม่ เป็นคนที่มุ่งในผลสำเร็จของงาน ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเพราะสามารถบริหารทีมสารสนเทศได้อย่างโดดเด่น
“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับการโค้ชชิ่งบ้าง” ผมตรวจสอบ
“ไม่มากครับ ในตำแหน่งเดิมผมดูแลผู้จัดการสามท่าน ต่างก็มีประสบการณ์ในสิ่งที่ตนรับผิดชอบ ผมจึงมีเวลาดูทิศทางยุทธศาสตร์แล้วพวกเขาดูงานปฏิบัติการวันต่อวัน
สำหรับตำแหน่งนี้ มีผู้จัดการหกท่านรายงานตรงกับผม สามท่านเป็นผู้จัดการที่มีประสบการณ์บ้าง ที่เหลือเป็นผู้จัดการใหม่
สัปดาห์แรกที่ผมรับตำแหน่ง ผมถามพวกเขาเกี่ยวกับสไตล์การทำงาน จุดแข็งจุดอ่อน ค่านิยม ความเชื่อ และการสนับสนุนที่พวกเขาต้องการ สิ่งที่พวกเขาต้องการจากผมคือการโค้ชให้พวกเขาเป็นผู้จัดการที่เก่งขึ้น”
“คุณนาวี เรามาเริ่มกันที่ โค้ชชิ่ง 101 – โค้ชชิ่งเป็นวิธีช่วยให้ผู้อื่นเรียนรู้และเติบโต การโค้ชมีหลายวิธี และผมได้พัฒนาโมเดล I + 3Is ขึ้นมา”
“เป็นอย่างไรครับ”
“I + 3Is เป็นโมเดลที่เริ่มต้นด้วย Individualization หรือการพิจาราณาเป็นรายบุคคล เป็นจุดเริ่ม จากนั้นเลือกหนึ่งจากสาม I ต่อไปนี้ตามแต่สถานการณ์
Instruct การสอน
Inspire บันดาลใจ
Inquire ถาม
มาดูรายละเอียดแต่ละ I กัน
‘Individualize’ เป็นพื้นฐานของการโค้ช การฝึกอบรมและการเรียนเป็นการช่วยคนจำนวนมากให้เรียนไปพร้อม ๆ กัน ตรงข้ามกับการโค้ชที่ทำเป็นรายบุคคล ดังนั้นคุณต้องพิจาราณาเป็นรายตัว ในเรื่องสไตล์ ความเชื่อ ศักยภาพ พื้นหลัง แนวทางการเรียนรู้ที่ถนัด และความตั้งใจในการเรียนรู้ คุณไม่ควรโค้ชทุกคนในวิธีเดียวกัน นี่เป็นกับดักที่ผู้นำส่วนมากพลาด โดยเฉพาะผู้นำที่ทะเยอทะยานและชอบเรียนรู้ เพราะคิดว่าคนอื่นๆรักการเรียนเหมือนตนเอง
ดังนั้น ‘Individualize’ จึงเป็นกุญแจความสำเร็จของการโค้ช เมื่อเข้าใจพื้นฐานนี้แล้ว คุณก็สามารถเลือกหนึ่งในสามวิธีของอีก 3Is ที่เหลือ
‘Instruct’ หรือการสอน เป็นวิธีช่วยให้ผู้อื่นเรียนรู้โดยการบอก สอน หรือสั่ง วิธีนี้ใช้ได้ดีในการสอนกระบวนการทำงาน หรือความรู้เฉพาะทาง เช่น บอกให้ทีมทราบเกี่ยวกับค่านิยมขององค์กร เพราะเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ทราบมาก่อน
‘Inspire’ หรือบันดาลใจ เป็นวิธีช่วยให้ผู้อื่นเรียนทางอ้อม มีแนวทางที่คุณสามารถใช้ได้ คือ
ทำอย่างที่พูด หรือทำตัวเป็นตัวอย่าง – ทำสิ่งที่พูดและพูดในสิ่งที่คุณทำ เช่น คุณอยากให้ทีมทำงานโดยใช้ลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง คุณอาจต้องลองรับคำร้องทุกข์ของลูกค้าด้วยตนเองบ้าง
เล่าเรื่อง – มีเรื่องราวมากมายที่ใช้ในการโค้ชได้ เทคนิคคือคุณควรจัดประเภทเรื่องที่คุณมี เช่น ทัศนคติเชิงบวก ความเป็นมืออาชีพ การรับมือความยากลำบาก ภาวะผู้นำ หรือการบริหาร
ประสบการณ์ส่วนตัว – ถ้าคุณได้รับความเชื่อถือจากพวกเขาแล้ว เพราะเขารู้ว่าคุณคือใคร เป็นคนอย่างไร ความสำเร็จในอดีตเป็นเช่นไร การแบ่งปันประสบการณ์อาจช่วยได้ อย่างไรก็ตามอย่าลืมถามพวกเขาก่อนว่าอยากฟังหรือไม่
การโค้ชโดยสร้างแรงบันดาลใจนั้นไม่เป็นการสั่งการมากไป คุณอาจเป็นแบบอย่างที่ดีและแบ่งปันประสบการณ์กับพวกเขา แต่สุดท้ายพวกเขาจะเลือกเองว่าจะนำสิ่งที่คุณสอนไปใช้หรือไม่
‘Inquire’ เป็นการโค้ชโดยการถาม เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการโค้ชคนทำงานที่ต้องใช้ความคิดเป็นหลัก เราใช้คำถามเป็นเครื่องมือช่วยให้ผู้อื่นคิดได้ดีมากขึ้น แต่ก็เป็นวิธีที่ยากที่สุดในบรรดา 3Is ผมเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้บ่อยๆ คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของผม หนังสืออ้างอิงคือ Quiet Leadership เขียนโดยเดวิด ร๊อค ผู้เขียนสอนอย่างชัดเจนว่าต้องทำอย่างไรเพื่อให้ผู้อื่นคิดเก่งขึ้น”
“แล้ววิธีใหนดีที่สุดครับ”
“เป็นคำถามที่ดี คุณคิดว่าวิธีใหนล่ะ”
คุณนาวีเงียบไปสักพัก แล้วพูด “ผมไม่แน่ใจ คุณคิดว่าอย่างไร”
ผมมองไปที่โต๊ะทำงานของเขาแล้วถามว่า “เครื่องเขียนของคุณมี ปากกา ดินสอ และไฮไลต์ แท่งใหนเขียนได้ดีที่สุด”
“ก็แล้วแต่ว่าเขียนตอนใหน โอ้ ผมเข้าใจแล้ว การโค้ชแต่ละแบบก็เหมาะกับแต่ละบุคคลในแต่ละสถานการณ์ จึงต้องใช้เทคนิค ‘Individualize’ ก่อน”
“ดีมากครับคุณนาวี”