นิตยสารฟอร์บสเรียกวอเร็น เบ็นนิส ว่า“อาจารย์ใหญ่ของกูรูด้านภาวะผู้นำ” นอกจากเคยนำทั้งในโลกธุรกิจและภาครัฐแล้วเขายังเคยเป็นที่ปรึกษาแก่ประธานาธิบดีสหรัฐถึงสี่ท่าน
เขาให้สัมภาษณ์ในหนังสือ Conversations on Leadership – Wisdom from global management gurus โดย ลาน ลิว เกี่ยวกับภาวะผู้นำ เรามาดูบางส่วนกัน
5 สิ่งที่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่มีเหมือนกัน
- ความหลงใหล: ในการที่จะเชี่ยวชาญในด้านใดนั้น ต้องผ่านการฝึกฝน มุ่งมั่น และรักในสิ่งที่ทำ ความมุมานะเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จ
- ความสามารถในการปรับตัว รวมถึงการเรียนรู้ สงสัยอยากรู้ ความยืดหยุ่น และเป็นผู้สังเกตการณ์เกรดเอ
ความอ่อนน้อมถ่อมตนก็เป็นส่วนหนึ่งของข้อนี้ เมื่อใหร่ที่คิดว่าตนเองฉลาดที่สุดในห้องก็จบเห่ - ความเคารพนับถือ ได้รับเกียรติ และให้เกียรติผู้อื่น ยุคสมัยนี้การเคารพในความแตกต่างมีความสำคัญ เกียรติเป็นเรื่องลึกซึ้ง รวมไปถึงการรับฟังและเรียนรู้จากผู้อื่นที่คุณใช้เวลาอยู่ด้วย
- รู้จักตัวเอง รู้คุณค่า ลักษณะ และความเป็นตัวของตัวเองมีความสำคัญ ต้องแยกให้ออกระหว่างงานและส่วนตัว ผมทำในเรื่องยากๆเช่นการตัดสินใจที่ยากลำบาก ผมต้องทำในสิ่งที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง แล้วผมก็รับไม่ได้ ทางเลือกก็คือ ผมจะทู่ซี้ทำงานที่นี่ต่อไป หรือจะลาออก
- ความกล้าหาญ ในโลกนี้ คุณไม่มีวันเห็นภาพทุกอย่างชัดเจนได้ ไม่ว่าจะเป็นบริบท อคติ หรือสิ่งที่จะเกิดในห้าปีข้างหน้า แต่เมื่อคุณมีความมั่นใจ และความรู้แล้วถึง 70% ก็ควรจะลงมือได้แล้ว
ผู้นำที่ดีแสดงออกถึงความขอบคุณ การยอมรับ และให้เกียรติอย่างจริงใจ เพื่อที่จะเป็นผู้นำที่ดีคุณต้องมีระดับอัตตาที่แข็งแกร่งและความทะเยอทะยานที่พอเหมาะ มีเป้าหมาย และพร้อมที่จะตัดสินใจในเรื่องยาก ๆ อย่างการให้พนักงานออก ต้องทำอย่างไรจึงจะเป็นผู้นำที่มีเมตตาแต่ก็สามารถตัดสินใจเรื่องพวกนี้ได้
ในหนังสือมีตัวอย่างการโค้ชที่ดีให้กับ โฮวาร์ด ชูลท์ ประธานบริษัทสตาร์บัค
10 ปีก่อน โฮวาร์ดโทรศัพท์หาวอเร็นเพื่อขอคำปรึกษา
“ผมกำลังประสบปัญหาที่ไม่เคยเจอมาก่อน ผมต้องตัดสินใจในเรื่องใหญ่ แต่ลูกน้องทุกคนกลับไม่เห็นด้วยเลย ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี”
“ปกติแล้วสัญชาตญาณ ของคุณในการตัดสินใจดีหรือเปล่า”
“ดีครับ”
“งั้น สิ่งที่คุณอาจลองทำก็คือใช้เวลาสักสามชั่วโมงในการประชุมนอกสถานที่กับพวกเขา ให้โอกาสพวกเขาได้ซักไซ้ บ่น ระบาย สอบถามคุณ ผลก็คือ คุณหรือพวกเขาอาจเปลี่ยนใจ แม้จะไม่ได้ความเห็นที่เหมือนกันแต่ความสำคัญก็คือพวกเขารู้สึกได้ว่าคุณรับฟังพวกเขาอยู่”
วอเร็นไม่ได้ติดตามผลจนห้าปีให้หลัง ได้มาพบกับโฮวาร์ดอีกครั้ง จึงถามถึงการตัดสินใจครั้งนั้น
โฮวาร์ดพูดว่า “เราคุยกันว่าควรเปิดร้านในญี่ปุ่นหรือไม่ ลูกน้องทุกคนไม่เห็นด้วย เราจ่ายค่าที่ปรึกษาไปห้าล้านเหรียญ เพื่อได้รับคำแนะนำว่า ไม่ควรเปิดเพราะชาวญี่ปุ่นดื่มชา พวกเขาไม่ดื่มกาแฟลาเต้กัน”
สุดท้ายโฮวาร์ดตัดสินใจเปิดสาขาในญี่ปุ่นในปี 1996
วอเร็นบอกกับผู้เขียนว่า “นี่เป็นตัวอย่างของการให้เกียรติกัน และทุกคนก็มีสิทธิที่จะเปลี่ยนใจ แต่ในฐานะผู้นำ คุณต้องตัดสินใจ”
หนังสือเล่มนี้เกิดจากความพยายามของคุณลิวที่ออกสัมภาษณ์คนเก่งแถวหน้าในด้านภาวะผู้นำถึง 13 ท่าน นอกจากวอเร็นแล้ว ก็ยังมี โฮวาร์ด การ์ดเนอร์ เจ้าของทฤษฏี Multiple Intelligences จอห์น คอทเตอร์ ผู้เขียนร่วมหนังสือ The Heart of Change จิม คูเซส ผู้เขียนร่วมหนังสือ Leadership Challenge เจอรี่ พอราส ผู้เขียนร่วมหนังสือ Build to Last ปีเตอร์ เซงเก้ ผู้เขียน The fifth Discipline และ โนเอล ทิชี่ ผู้เขียน The Leadership Engine
การอ่านหนังสือเล่มนี้เสมือนว่าคุณกำลังนั่งฟังพวกเขาทั้ง 13 คนพูดอยู่ เพราะคุณลิวเขียนหนังสือเล่มนี้ในรูปแบบบทสนทนาที่อ่านง่าย
อยากให้คุณลองจินตนาการว่าคุณกำลังนั่งร่วมวงสนทนาอยู่กับพวกเขา เมื่อจบแต่ละบทตั้งคำถามสักสองสามคำถามแล้วจินตนาการว่าพวกเขาจะตอบว่าอย่างไร การทำแบบนี้ทำให้การอ่านมีคุณค่ามากขึ้นและยังช่วยเปิดมุมมองของคุณในเรื่องภาวะผู้นำอีกด้วย