ผู้คนต่างพากันบ่นถึงวิกฤตเศรษฐกิจในช่วง พ.ศ. 2551-2553 แต่ว่าผมกลับเห็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับคนไทย อย่างน้อยมันน่าจะเป็นสัญญาณเตือนภัยปลุกเราจากความหลับไหล วิกฤตครั้งนี้น่าจะทำให้เราต้องท้าทายความเชื่อเดิม ๆ ที่ฉุดรั้งคนไทยจำนวนมากไม่ให้ก้าวหน้า ลองมาดูเจ้าความเชื่อเหล่านั้นกันดูครับ
สบาย ๆ
หลายคนเคยบอกว่าขอทำงานสบาย ๆ ทุกวันนี้คนเหล่านั้นอาจจะไม่มีงานทำแล้ว ดังนั้นถามตัวเองว่ากำลังสบาย ๆ อยู่หรือเปล่า เป็นโชคดีสำหรับคนที่ทุ่มเทกับการทำงานมานานเพราะว่านาทีนี้พวกเขาไม่ต้องปรับตัวกันมากนัก
ไม่เป็นไร
เราจะเห็นแนวโน้มว่าเดี๋ยวนี้อะไรนิดหน่อยลูกค้าก็ต่อว่า เพราะสมัยนี้คู่แข่งมีมากมาย มีข้อเสนอที่น่าสนใจบริการที่ดีกว่า เวลานี้เป็นนาทีทองของลูกค้า หากความผิดพลาดในอดีตที่ลูกค้าเคยบอกไม่เป็นไร นาทีนี้เขาต่อว่าคุณแล้วละ อย่าคิดว่าไม่เป็นไรอยู่เลย
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการศึกษา
สมัยก่อนคนบอกว่าความรู้เยอะเพราะเรียนสูง ดูจากวุฒิบัตร เรียนสูงทำงานตำแหน่งสูงเพราะฉลาด ถูกเหมือนกันแต่ไม่ทั้งหมด คนที่ร่ำเรียนสูงล้มเหลวในงานไม่เป็นท่าก็เยอะ คนที่วุฒิน้อยแต่ประสบการณ์มากและเรียนรู้จากการทำงาน ฟัง สังเกตคน ประสบความสำเร็จก็มี พวกเขาเรียนทุกวันโดยไม่แคร์วุฒิบัตร
แพลน-นิ่ง
วางแผนแล้วปล่อยให้มันนิ่ง เป็นโจ๊กที่คนไทยเล่นคำ Plan-ning คนไทยเราเก่งนักกับการวางแผนแล้วเอาขึ้นหิ้ง ถึงเวลาก็ใช้ความรู้สึก ดูทิศทางลม ดูอารมณ์นายว่าดีหรือไม่ ดูว่าตัวเองมีอารมณ์จะทำงานไหม วันดี ๆเหล่านั้นผ่านไปแล้ว หากทำงานโดยไม่มีแผน โอกาสพลาดจะมาก มีแผนเดียวไม่พอแล้ว ต้องมีแผนสอง แผนสาม สำรองไว้อีกต่างหาก
ความสัมพันธ์ในที่ทำงาน
วันนี้หากต้องเลือกปลดคนแล้วคุณต้องเลือกระหว่างเพื่อนสนิทที่ผลงานแย่ กับลูกน้องเก่งหัวดื้อ จะเลือกใครดี หากต้องเลือกเพื่อน จะบอกเขาอย่างไรดี วันนี้ความสัมพันธ์ในงานที่เราใช้ไม่ถูกทางไม่เวิร์คอีกต่อไปแล้ว
ระบบการบริหารผลงาน
ระบบบริหารผลงานที่ดีจะช่วยผู้จัดการเลือกคนที่เหมาะ วางแผนความก้าวหน้าทางอาชีพให้เขา และจูงใจให้รางวัลอย่างยุติธรรม โชคร้ายที่องค์กรส่วนใหญ่ยังไม่มีระบบบริหารผลงานที่ดีเพียงพอ ใครจะไปรู้ละครับว่า เผลอ ๆ องค์กรที่กำลังล้มเหลวอยู่นั้นสาเหตุหนึ่งอาจจะมาจากการที่ไม่มีระบบการบริหารผลงานที่ดีก็เป็นได้
บางบริษัทมีระบบที่ดี แต่โชคร้าย ผู้จัดการจำนวนมากขาดทักษะ หรืออาศัยแต่ความรู้สึกและสัญชาติญาณในการบริหารผลงานเป็นส่วนใหญ่
ผู้นำรู้ทุกอย่าง
สมัยนี้ความเชื่อนี้คงไม่เวิร์คอีกแล้ว เพราะว่าโลกมันซับซ้อน และบริหารจัดการได้ยากมากขึ้นทุกวัน สมัยนี้ใครคิดว่าตนเองเก่งไปทุกเรื่องก็คงอยู่ได้ไม่นานหรอกครับ ซีอีโอจำนวนมากพาบริษัทเข้ารกเข้าพงล้มเหลวไม่เป็นท่าเป็นจำนวนมาก นายที่เก่งจริงสมัยนี้จะพูดว่า “ฉันไม่รู้ เรามาช่วยกันคิดดีกว่า”
เช็คลิสต์อยู่ที่ไหน
สมัยก่อนเป็นผู้บริหารไม่ยากเท่าไร มีตำรามากมายที่เขียนเป็นแนวทางการบริหารจัดการ จนกระทั่งแทบจะเป็นเมนูเลย นอกจากนี้หลายองค์กรก็มีการพัฒนาคู่มือในการบริหารงานให้ผู้บริหารของตน ดังนั้นสมัยก่อนการบริหารยังพอจะมีเช็คลิสท์ให้อ้างอิง แต่ว่าตอนนี้วิกฤตเศรษฐกิจแต่ละครั้งที่เจอ ไม่ว่าจะเป็น ไข้หวัดนก ยึดสนามบิน จลาจลม๊อบเสื้อแดง ไหนจะเจ้าหวัดจากเม็กซิโกที่เพิ่งเริ่มมาอีกละ พลิกตำราไม่ทันครับ กูรูคนไหนที่ว่าแน่ ๆ ก็ให้คำแนะนำได้ยากเหลือเกินสำหรับแต่ละเรื่องที่มันถาโถมเข้ามา คุณต้องใช้มันสมองของตัวเองและทีมงานอย่างสุด ๆ ใช้ข้อมูลเท่าที่จะหาได้ แล้วก็ต้องกล้าเสี่ยง ลองลุยดู หากผิดก็ลองใหม่
รักษาหน้า
สมัยนี้รักษาหน้าไม่ไหวแล้วครับ ในอดีตเราอาจจะบอกว่า “ผมจะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้นะ เราจะเสียหน้าเอา” หรือจะบอกว่า “ผมทำพลาดนี่นา บอกใครไม่ได้เดี๋ยวเสียหน้า” แล้วหมกเม็ดเอาไว้ สมัยก่อนยังพอทำได้เพราะว่าบริษัทยังมีกำลัง ผิดบ้าง พลาดบ้างไม่ถึงงกับเจ๊ง แต่สมัยนี้อย่ากลัวเสียหน้าถึงขนาดยอมเสี่ยงความเสียหายของบริษัทเชียว