“โค้ชเกรียงศักดิ์ครับ ผมได้มีโอกาสอ่านบทความเรื่อง CEO Succession 2011 – The New CEO’s First Year โดย Booz & Company”
“คุณเคลาส์ เพราะอะไรคุณจึงสนใจเรื่องนี้ครับ”
“ผู้เขียนสัมภาษณ์ซีอีโอจากทั่วทุกมุมโลกในสาขาอาชีพต่างๆกันถึง 18 ท่านเกี่ยวกับประสบการณ์การเป็นซีอีโอในปีแรก ทั้ง 18 ท่านได้ให้คำแนะนำดีๆเจ็ดข้อถึงสิ่งที่พวกท่านคิดว่าถ้าย้อนเวลาไปได้ตนอยากทำต่างไปจากเดิม คือ
1 เผชิญหน้ากับการปรับทีมผู้บริหารแต่เนิ่นๆ 2 อย่าเปลี่ยนกลยุทธ์เร็วเกินไปแม้ว่ากลยุทธ์ที่ใช้อยู่จะไม่ดีก็ตาม 3 ทำความเข้าใจการทำงานและผลการทำงานของทุกฝ่ายขององค์กร 4 สร้างความเชื่อมั่นจากความโปร่งใส 5 เลือกฟังคำแนะนำต่างๆที่ได้รับ 6 หาบุคคลช่วยสะท้อนความคิดที่มีความรู้มาก ไม่ว่าจะเป็นคนใน หรือคนนอกองค์กรก็ตาม 7 บริหารเวลาและชีวิตอย่างระมัดระวัง”
“ทั้งเจ็ดข้อนี้นำมาใช้กับกรณีของคุณได้อย่างไรครับ”
“ใช้ได้เกือบทุกข้อครับ และผมยังมีคำแนะนำสำหรับชาวต่างชาติที่ใหม่ต่อการทำงานในเมืองไทยอีกด้วย”
“ผมอยากทราบครับ”
“มันก็เป็นอย่างที่โค้ชเคยเขียนใว้ในหนังสือแล้วนะครับ ว่าแต่ละบุคคลมีมุมมองที่ต่างกันและขึ้นอยู่กับพื้นฐานของแต่ละคน
ในกรณีของผม เมืองไทยไม่ใช่ประเทศแรกที่ผมจากบ้านเกิดมาทำงาน ผมจึงตระหนักอยู่เสมอถึงการทำงานในต่างวัฒนธรรม แต่ผมก็ยังทำผิดพลาด”
“พลาดอย่างไรครับ”
“ประเทศไทยนั้นมีความเป็นเอกลักษณ์ของตนเองสูง เช่น ภาษา หลังจากผ่านไปซักพัก ผมเรียนรู้ว่าคนส่วนมากที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีนั้นเป็นเด็กรุ่นใหม่ ไฟแรงแต่ขาดประสบการณ์ ทำให้มีดุลยพินิจและวุฒิภาวะที่ยังไม่เป็นมืออาชีพมากนัก
ในทางตรงกันข้ามผู้บริหารที่ฉลาด วุฒิภาวะสูง และมีดุลพินิจดีนั้นมักจะมีอายุ และที่สำคัญสื่อสารภาษาอังกฤษได้ไม่คล่อง
ในช่วงหกเดือนแรก ผมตัดสินใจผิดไปในหลายเรื่องเพราะผมตัดสินคุณภาพของข้อมูลที่ได้จากระดับความสามารถการสื่อสารภาษาอังกฤษของลูกน้อง
จากนั้นผมจึงจ้างล่ามเพื่อตัดปัญหาเรื่องภาษา และเริ่มเรียนภาษาไทยอย่างจริงจังอีกด้วย ผ่านไปหกเดือนจึงรู้สึกว่าภาษาไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป”
“เยี่ยมมากเลยครับ มีคำแนะนำอื่นๆอีกไหมครับที่คุณสามารถให้แก่ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในเมืองไทยเป็นครั้งแรก”
“โค้ชครับ ด้านการตลาดนั้นเราเรียนรู้เกี่ยวกับ 4P มานะครับ ผมจึงอยากนำเสนอ 4P เกี่ยวกับการทำงานร่วมกับชาวไทยครับ คือ Patience, Patience, Patience และ Patience หรือ อดทน อดทน อดทน อดทน นั่นเองครับ เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับค่านิยมแบบไทยๆและแบบตะวันตก
ผมถูกสอนมาว่า เวลาเป็นเงินเป็นทอง แต่ค่านิยมนี้ใช้ไม่ได้กับชาวไทย
การสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานให้ชาวไทยนั้นต้องเริ่มจากการสร้างความเชื่อใจก่อน และความเชื่อใจสำหรับคนไทยนั้นก็มาจากความสัมพันธ์ล้วนๆ ผมจึงต้องแสดงให้พวกเขาเห็นก่อนว่าผมแคร์ จากนั้นพวกเขาจึงให้ความเชื่อใจและความนับถือตอบ การแสดงความแคร์ออกมานั้นหมายถึงการเรียนรู้เกี่ยวกับประเพณี วัฒนธรรม และธรรมเนียมไทยต่างๆ ผมได้เรียนรู้ว่าค่านิยมของชาวไทยส่วนมากคือ ความสัมพันธ์ ระบบอาวุโส และการรักษาหน้า นั้น มีความลึกซึ้งและต่างจากที่ผมเข้าใจเป็นอย่างมาก
โค้ชครับ ผมเริ่มพูดมากไปแล้ว แล้วโค้ชมีคำแนะนำอื่นๆเพิ่มเติมไหมครับ”
“เมื่อไม่นานมานี้ผมได้พบกับชาวเยอรมันที่ได้ร่วมงานกับชาวไทยมามากกว่ายี่สิบปี ผมจึงถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน เขาได้ให้คำตอบที่น่าสนใจคือ
เมื่อคุณเริ่มเข้ามาทำงานร่วมกับชาวไทย คุณต้องคิดเสมือนว่าคุณเป็น แขก อยู่เสมอ ถ้าคุณคิดเช่นนี้ คุณก็จะตระหนักรู้อยู่ตลอดเวลาและพยายามเรียนรู้จากเจ้าบ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในระหว่างนั้นคุณอาจจะทำผิดพลาดไปบ้างแต่พวกเขาก็จะอภัยให้และยินดีที่จะให้ข้อมูลย้อนกลับ ถ้าคุณเปิดใจมากพอ คุณก็จะสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองได้โดยง่าย”
“เป็นคำแนะนำที่เยี่ยมมากเลยครับ เพราะถ้าคุณทำตัวเป็นแขกคุณก็จะปฏิบัติต่อลูกน้องต่างไป คุณจะให้เกียรติพวกเขามากขึ้นและออกคำสั่งน้อยลง
จากประสบการณ์ของโค้ช ปกติแล้วชาวต่างชาติต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการเรียนรู้และปรับตัวเข้าหาคนไทยได้ดีครับ”
“ผมจำแนกออกเป็นสามกลุ่มครับ กลุ่มเรียนรู้เร็ว กลุ่มเรียนรู้ช้า และกลุ่มดื้อ
สำหรับกลุ่มเรียนรู้เร็วนั้นจะใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน โดยกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เป็นส่วนน้อย
ต่อมา กลุ่มเรียนรู้ช้า กลุ่มนี้จะเป็นคนส่วนใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 12-18 เดือนเพื่อที่จะเปิดใจยอมรับชาวไทยในแบบที่พวกเขาเป็น
สำหรับกลุ่ม ดื้อ นั้นอาจใช้เวลามากกว่าสามปีเพื่อเรียนรู้ในการทำงานร่วมกับชาวไทย”
“แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าใครอยู่กลุ่มไหนครับ”
“แล้วแต่บุคคลครับ”
“ขึ้นอยู่กับอะไรครับ”
“ขึ้นอยู่กับกรรมของแต่ละคน เราชาวพุทธเชื่อเรื่องกฏของกรรม แต่ในกรณีนี้ผมพูดถึงอัตตา ยิ่งคุณมีอัตตาสูงเท่าไรคุณก็จะยิ่งเรียนรู้ได้ช้ายิ่งขึ้นเท่านั้น”