บทเรียนจากผู้นำที่ทรงความสามารถ

“ปีเตอร์ ยินดีด้วยที่ได้รางวัลผู้นำดีเด่นประจำปีนี้ของหอการค้าครับ”

“ขอบคุณครับโค้ชเกรียงศักดิ์  หลังได้รางวัล ผมก็ได้รับมอบหมายงานจากหอการค้าไทยทันที โดยให้เขียนบทความเกี่ยวกับความเข้าใจในเรื่องภาวะผู้นำเพื่อลงในวรสารของหอการค้าครับ  โค้ชช่วยเป็นผู้สะท้อนความคิดในการเขียนบทความนี้ให้ผมหน่อยได้ใหมครับ”

“แน่นอนครับ ผลลัพธ์ที่คุณต้องการหลังจากจบการโค้ชครั้งนี้คืออะไรครับ”

“ผมต้องการไอเดียดีๆเพื่อเขียนบทความนี้ครับ”

“ขณะนี้คุณมีไอเดียอะไรที่คิดใว้บ้างแล้วครับ”

“ผมสองจิตสองใจ ว่าจะเขียนโดยอ้างอิงจากหนังสือเกี่ยวกับภาวะผู้นำ หรือเล่าจากประสบการณ์ของตนดีครับ”

“กลุ่มผู้อ่านคือใครครับ”

“ผู้บริหารระดับสูง ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ส่วนมากทำงานอยู่ในองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ และมีโอกาสได้ทำงานติดต่อประสานงานกับต่างชาติอยู่แล้วครับ”

“คุณคิดว่าพวกเขาน่าจะชอบอ่านบทความลักษณะใหนครับ”

“quick win  เกร็ดเล็กน้อยที่สามารถนำไปใช้ได้จริง  และบางส่วนชอบทฤษฎีครับ

อืม โค้ช ผมคิดว่าผมจะเขียนแชร์ประสบการณ์ของตนเองครับ”

ผมพยักหน้า “คุณคิดว่าเพราะอะไรคุณจึงได้รับรางวัลนี้ครับ”

“ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานในประเทศไทยของเราครับ”

“คุณทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงได้อย่างไรครับ”

“สามปีก่อน ตอนที่ผมมาเมืองไทยใหม่ๆ ผู้ดำรงตำแหน่งเดียวกับผมท่านก่อน และเป็นพี่เลี้ยงให้แก่ผมด้วย ได้ให้คำแนะนำที่ดีมากๆ คือ ถ้าชนะใจคนไทยได้ ธุรกิจจะรุ่งเรือง

ผมจึงเริ่มต้นจากเป้าหมายที่ต้องการ ผมทำความเข้าใจกับวัฒนธรรมไทยก่อน เรียนรู้ว่าชาวไทยนอบน้อม ใส่ใจ ให้เกียรติ เกรงใจ และมีความรับผิดชอบ

สามเดือนแรก สิ่งที่ผมมุ่งความสนใจสูงสุด คือ พยายามชนะใจพวกเขา โดยการเปลี่ยนภารกิจนี้ให้เป็นขั้นตอนง่ายๆที่สามารถลงมือทำได้จริง – เรียนรู้เกี่ยวกับชาวไทย

ผมจัดทานข้าวร่วมกันกลุ่มเล็กอย่างเป็นกันเองกับชาวไทยสามครั้งต่อสัปดาห์ แต่ละครั้งมี 5-6 จากหลายๆแผนก

ทำให้ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ภาษา อาหาร ภาพยนตร์ ลักษณะความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ระบบการศึกษา การเมือง และในหลวง

เป็นการเปิดโลกทัศน์ของผมทีเดียว จากนั้นเป็นต้นมา ผมชื่นชมจุดแข็งและความเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทย

ระหว่างทานอาหารกลางวัน ผมก็ได้เล่าให้พวกเขาฟังเกี่ยวกับตัวผม ครอบครัว จุดแข็งและข้อด้อยของตนเองด้วย

ผ่านไปสามเดือน ผมจึงคิดทำ วิสัยทัศน์ พันธกิจ และค่านิยมขององค์กรที่ผมต้องการเห็นภายในห้าปี สามสิ่งนี้จะเป็นสิ่งย้ำเตือนใจ ทุกๆเดือนในการจัดประชุมใหญ่กับพนักงาน ผมบอกให้พวกเขาทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และอะไรคือสิ่งสำคัญที่พวกเราจะทำต่อไป ความสำเร็จที่ทำมาและชื่นชมผู้เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดความสำเร็จนี้ขึ้น

ในทุกๆครั้งที่จัดประชุมผมจะย้ำให้พวกเขาทราบถึงสามสิ่งนี้เสมอ เมื่อทุกๆคนรู้แล้วว่าเราจะเดินไปทางใด เพราะอะไร เป้าหมายคืออะไร และต้องทำอย่างไรให้ถึงเป้าหมายนั้น  จากนั้นทุกคนก็จะไปคิดต่อว่าควรทำอะไรอย่างไรเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น”

“ปีเตอร์ น่าประทับใจมากครับ  แต่ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ถ้าคุณสามารถย้อนเวลากลับไปได้ คุณจะทำอะไรต่างไปจากเดิมบ้าง”

“ผมจะรับมือกับคนที่ขี้อาย ไม่กล้าแสดงออกให้มีประสิทธิภาพสูงกว่านี้  ปกติผมสบายใจที่จะทำงานร่วมกับชาวไทยที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี  พวกเขาบอกผมว่า ผมควรลองแลกเปลี่ยนความคิดกับกลุ่มที่ไม่กล้าแสดงออกนี้ด้วย แต่ชาวไทยส่วนมากไม่มีความมั่นใจในการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ พวกเขาเข้าใจ 70-80% ในการฟังและการอ่าน  บางคนสามารถพูดได้งูๆปลาๆ จึงกลัวที่จะพูดออกมา ทำให้เมื่อใดก็ตามที่ต้องแลกเปลี่ยนความคิดกับพวกเขา ผมจะไม่ได้ข้อมูลมากนัก ทำให้เสียโอกาสที่จะใช้ศักยภาพของพวกเขาอย่างเต็มที่

ในปีที่สอง ผมเริ่มเรียนพูดภาษาไทย ผ่านไปหนึ่งปีผมสามารถเข้าใจพวกเขามากขึ้น ทำให้ค้นพบว่าชาวไทยนั้นแม้จะขี้อายแต่พวกเขามีไอเดียดีๆมากมาย  แต่การสื่อสารภาษาอังกฤษเป็นตัวปิดกั้นให้พวกเขาไม่สามารถปลดปล่อยศักยภาพตนเองได้  เมื่อผมสามารถสื่อสารภาษาไทยกับพวกเขาได้มากขึ้น ผลการทำงานและประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กรนั้นดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะเริ่มเรียนภาษาไทยตั้งแต่เริ่มทำงานเลยครับ”

“มีอย่างอื่นอีกมั๊ยครับ”

ปีเตอร์หยุดคิดสักพัก  “โค้ช ที่จริงผมจะมีเวลาทำอะไรมากกว่านี้ถ้ามีเลขา”

“ทำไมจึงคิดเช่นนี้ครับ”

“ตอนนี้ผมใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงเพื่อจัดตารางนัดหมายและติดตามงาน ผมจะสามารถทำงานที่มีความสำคัญมากกว่านี้ถ้าผมให้เลขาทำงานเหล่านี้ให้”

“แล้วทำไมคุณจึงไม่มีเลขาตั้งแต่แรกครับ”

“มันเป็นเรื่องน่าตลกมากครับ ผมมาจากสำนักงานใหญ่ในยุโรป ขณะตอนนั้นผมไม่มีเลขา เพราะค่าใช้จ่ายสูงมากเกินไป และโครงสร้างองค์กรก็แบนราบมาก

ตอนนี้ผมควรต้องจ้างเลขาเพราะหลายๆคนบอกให้ผมมีเลขาตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงานแล้ว

ขอบคุณมากครับโค้ช  วันนี้ผมได้ทั้งไอเดียในการเขียนบทความและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเลยครับ”