อุปสรรคเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน ไม่มีงานไหนที่ราบรื่นโดยปราศจากอุปสรรค
แล้วคนดีและเก่งเขามีวิธีการคิดอย่างไรเมื่อเจอปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน
พวกเขามีวิธีการคิดเชิงบวกดังนี้
1. หยุดบ่นเรื่องงานยาก ลงมือแก้ไขมันดีกว่า
2. ต้องมีอะไรบางอย่างที่เราพอทำได้เสมอ
3. อย่าถือเป็นเรื่องส่วนตัวมื่อเจอคนหงุดหงิด
4. ขอบคุณองค์กรที่เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้
5. เหนื่อยเพราะงานเยอะ ดีกว่าเหนื่อยหางานใหม่
เรามาดูรายละเอียดกันทีละข้อเลยครับ
1. หยุดบ่นเรื่องงานยาก ลงมือแก้ไขมันดีกว่า
ตอนนี้ในภาคธุรกิจ มีความผันผวนและความคลุมเครือมากขึ้นเรื่อย ๆ มันทำให้ผู้นำวางแผนงานได้ยากมากขึ้นไปเป็นเงาตามตัว ไม่ว่าเราจะวางแผนดีขนาดไหน สมมติฐานส่วนใหญ่น่าจะเบี่ยงเบนไปจากการคาดการณ์
โชคร้ายที่กระบวนการทำงาน นโยบาย ระบบงาน และโครงสร้างองค์กร ส่วนใหญ่ ไม่ได้ออกแบบมาให้ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงแบบนี้
เราจึงมีโอกาสที่จะเผชิญงานที่ทำได้ยากมากขึ้นกว่าเดิม
จะทำอย่างไรดีครับ
แทนที่จะเสียเวลาบ่น เราเอาพลังมาจัดการงานดีกว่า มองโลกในแง่ดีให้ออกว่าปัญหาก็มีประโยชน์คือ
a. มันทำให้เราต้องคิดสร้างสรรค์ อย่างที่มีคำกล่าวไว้ว่า – ความจำเป็นคือ “มารดา” ของนวัตกรรม
b. มันทำให้เราทำงานได้เก่งขึ้น
c. มันทำให้เราปรับตัวได้ดีขึ้น
d. มันทำให้เราเรียนรู้ได้เร็วขึ้น
สิ่งเหล่านี้มันช่วยเตรียมตัวให้เราเป็นมืออาชีพที่เก่งขึ้น สำหรับคนที่สนใจอยากเป็นผู้ประกอบการมันคือโรงเรียนฝึกเถ้าแก่ชั้นเลิศเลยทีเดียว
2. ต้องมีอะไรบางอย่างที่เราพอทำได้เสมอ
เมื่อเผชิญปัญหา คนส่วนใหญ่มักจะหาทางออกแบบขอไปที
คนส่วนใหญ่จะบอกว่า “ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ฉันควรจะแก้ไขอย่างไรดีหรือ”
แต่ว่า คนเก่ง จะตั้งคำถามที่แตกต่างออกไป พวกเขาถามตัวเองว่า “ฉันจะทำอย่างไรได้บ้าง เพื่อทำให้สถานการณ์มันดีขึ้น ไม่ว่ามันอาจจะดีขึ้นเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม” เขาถามคำถามนี้เพราะว่าเขารู้ว่า ถ้ามีความพยายามมันก็ต้องมีหนทาง นอกจากนี้ พวกเขายังมีความเชื่อคล้าย ๆ กันว่า “มันมีทางออกเสมอสำหรับทุก ๆ ปัญหา”
3. อย่าถือเป็นเรื่องส่วนตัวมื่อเจอคนหงุดหงิด
องค์กรส่วนใหญ่คงมีคนส่วนน้อยเป็นคนเก่ง
ขณะที่คนส่วนใหญ่ ไม่ค่อยคุ้นเคยกับการจัดการกับปัญหาอย่างมีประสิทธิผล พวกเขาคุ้นเคยกับความสบายภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เมื่อเจอมรสุมการเปลี่ยนแปลงที่ถาโถมเข้ามามากมายเช่นนี้ พวกเขาก็อาจจะจิตตก สติแตกใส่คนอื่น ซึ่งปฎิกิริยาแบบนี้อาจจะเกิดกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ เช่น ลูกค้า หรือคู่ค้า (Suppliers) อื่น ๆ ได้ด้วยเช่นกัน
อย่าถือเป็นเรื่องส่วนตัวว่าเขาเล่นงานเราเพราะต้องการทำร้ายจิตใจเรา หากเราเป็นคนเก่ง เราต้องมีวุฒิภาวะสูงกว่าเขา เราต้องมีเชาวน์ปัญญามากกว่าเขา
แทนที่จะใส่อารมณ์ตอบโต้กลับ ใจเย็น ตั้งสติ แสดงความเห็นใจ พยายามช่วยพวกเขาให้เต็มที่
4. ขอบคุณองค์กรที่เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้
คนเราเรียนรู้เรื่องงานส่วนใหญ่จากประสบการณ์ ยิ่งงานยากเรายิ่งเรียนรู้มาก หากเราถามคนที่ประสบความสำเร็จพวกเขาจะยืนยันว่าพวกเขาเรียนรู้มากเลยจากประสบการณ์ในช่วงยากลำบากและความท้าทายในงานหิน ๆ
ดังนั้น คนเก่ง จะไม่บ่นเมื่อเผชิญปัญหาอุปสรรค พวกเขาจะอ้าแขนรับมัน
ที่จริงแล้วเราควรจะขอบคุณองค์กรเพราะว่า
a. กำลังจ้างเราเรียน เวลาที่เราเรียนในมหาวิทยาลัยเราต้องจ่ายค่าเล่าเรียน แต่ตอนทำงาน บริษัทจ่ายเงินเดือนและให้เราเรียนฟรีทำให้เราเกิดประสบการณ์ เมื่อเรามีประสบการณ์มากบริษัทก็ขึ้นเงินเดือนและโปรโมทเรา เมื่อมีโอกาสดีบริษัทอื่นมาดึงตัวเรา พวกเขาจ่ายเพิ่มขึ้นเพราะนายจ้างเดิมสอนเราให้เก่งจากประสบการณ์
b. เมื่อเราเรียนในมหาวิทยาลัย เราทำผิดคือสอบตก ต้องซำ้ชั้นเสียเงินเรียนใหม่ เวลาเราทำธุรกิจส่วนตัว เราทำผิดเราเสียหายและเสียเงิน แต่ว่าเวลาเราเป็นพนักงานแล้วเราเกิดทำผิดบริษัทเสียหายแต่เราได้บทเรียน
c. เมื่อเราทำงานได้ดีผลงานเป็นของเราประดับ Resume แต่ว่าเราทุกคนตระหนักดีว่าต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าเราจะทำงานได้เป็น เราทำพลาดเสียเยอะในช่วงเดือนแรก ๆ ก่อนที่จะทำงานออกมาได้ดีจริง ๆ
d. ในช่วงยากลำบากองค์กรก็ยังจ่ายเงินเดือนเท่าเดิมในขณะที่บริษัทสูญเสียกำไร
5. เหนื่อยเพราะงานเยอะ ดีกว่าเหนื่อยหางานใหม่
เราหลายคนอาจจะต้องทำงานภายใต้แรงกดดัน
หากว่าเรายังสามารถที่จะเอาตัวรอดได้
ขอให้คิดว่า เราเหนื่อยเพราะงานเยอะ
ดีกว่าเหนื่อยจากการหางานใหม่เพราะเราไม่มีงานทำ
ไม่เชื่อ ลองไปถามคนที่กำลังหางานดูซิครับ