คำพูดที่ทำให้กัลยาณมิตรไม่อยากชี้แนะ

คนดีและเก่งที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน

มักจะมีกัลยาณมิตรมาชี้แนะเวลาเขาทำพลาดเสมอ

อย่างไรก็ตาม หลายคนได้รับคำชี้แนะจากกัลยาณมิตร

แต่กลับมีอัตตา ใช้คำพูดที่สกัดกัลยาณมิตร

ไม่ให้เขาอยากจะเข้ามาชี้แนะเราอีกในอนาคต

คำพูดที่ไม่ควรพูดเช่น…

1. รู้แล้ว…รู้แล้ว… ไม่ต้องบอกหรอก

2. คุณนี่พูดเหมือน…เลย ไม่จริงหรอก

3. ไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมคนชอบมาแนะนำว่า…

4. ขอบใจที่แนะนำ…นะ แต่เราคิดไม่เหมือนใคร

5. ฉันเป็นแบบนี้ เปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอก

A. เพราะอะไรคำพูดเหล่านี้จึงสะกัดกัลยาณมิตไม่ให้กลับมาชี้แนะเราอีก

B. แนวทางการพูดแบบไหนที่ทำให้กัลยาณมิตรอยากกลับมาชี้แนะเราเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

C. เมื่อได้รับคำชี้แนะมาแล้ว เราควรทำอย่างไรต่อ

A. เพราะอะไรคำพูดเหล่านี้จึงสะกัดกัลยาณมิตไม่ให้กลับมาชี้แนะเราอีก

คำพูดที่สกัดกั้นกัลยาณมิตรมักเกิดจากอัตตาและการปิดกั้นตนเอง 

ซึ่งส่งผลเสียต่อการพัฒนาตนเองในระยะยาว

สาเหตุที่คำพูดเหล่านี้สกัดกั้นกัลยาณมิตร

1. แสดงถึงการไม่เปิดใจรับฟัง และไม่ให้คุณค่ากับคำแนะนำ

2. สื่อถึงทัศนคติที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงตนเอง

3. ทำให้ผู้ให้คำแนะนำรู้สึกว่าความพยายามของตนไร้ค่า

4. สร้างกำแพงในการสื่อสารและความสัมพันธ์

B. แนวทางการพูดแบบไหนที่ทำให้กัลยาณมิตรอยากกลับมาชี้แนะเราเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

1. แสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ เช่น “ขอบคุณมากที่ให้คำแนะนำที่มีค่านี้”

2. แสดงความสนใจและใส่ใจ เช่น “น่าสนใจมาก คุณช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้ไหม”

3. ขอคำแนะนำเพิ่มเติม เช่น “คุณมีข้อเสนอแนะอื่นๆ อีกไหมครับ/คะ”

4. แสดงความตั้งใจที่จะนำไปปฏิบัติ เช่น “ผม/ดิฉันจะลองนำไปปรับใช้ดูครับ/ค่ะ”

C. เมื่อได้รับคำชี้แนะมาแล้วเราควรทำอย่างไรต่อ

การปฏิบัติหลังได้รับคำชี้แนะ

1. ไตร่ตรองคำแนะนำอย่างรอบคอบ

2. พิจารณาว่าสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างไร

3. ลงมือปฏิบัติตามคำแนะนำที่เห็นว่าเหมาะสม

4. ติดตามผลและประเมินการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

5. แจ้งผลลัพธ์กลับไปยังผู้ให้คำแนะนำ เพื่อแสดงความขอบคุณและเปิดโอกาสรับคำแนะนำเพิ่มเติม[5]

การรับฟังและปฏิบัติตามคำชี้แนะของกัลยาณมิตรด้วยใจเปิดกว้างจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาตนเองและรักษาความสัมพันธ์อันดีกับผู้หวังดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จในการทำงานและการดำเนินชีวิต