ผู้จัดการที่เก่ง จะมีความสามารถในการบูรณาการ (Integration)
1. การมอบหมายงาน (Delegation)
2. การติดตามงาน (Follow up)
3. การให้ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback)
กับทีมงานแต่ละคนได้ถูกจริตรายบุคคล
ในแต่ละกิจกรรม มีระดับความสามารถเป็นระดับ
ก. ทั่วไป (General)
ข. ดี (Good)
ค. ยอดเยี่ยม (Great)
ตัวอย่าง 3 สถานการณ์
1. สถานการณ์: โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
– ผู้จัดการระดับทั่วไป: มอบหมายงานให้ทีมโดยรวม โดยไม่ได้พิจารณาว่าใครมีความเชี่ยวชาญด้านใด ติดตามงานเป็นครั้งคราว และให้ข้อมูลย้อนกลับทั่วไปเมื่อโครงการเสร็จสิ้น
– ผู้จัดการระดับดี: มอบหมายงานโดยพิจารณาความสามารถของแต่ละคน ติดตามงานอย่างสม่ำเสมอ และให้ข้อมูลย้อนกลับที่สร้างสรรค์แก่ทีม
– ผู้จัดการระดับยอดเยี่ยม: มอบหมายงานโดยคำนึงถึงความสามารถ ความสนใจ และแรงจูงใจของแต่ละคน ติดตามงานอย่างใกล้ชิด ให้คำแนะนำและการสนับสนุน และให้ข้อมูลย้อนกลับที่เฉพาะเจาะจงและสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อให้แต่ละคนรู้สึกมีส่วนร่วมและเติบโตจากโครงการ
2. สถานการณ์: การแก้ไขปัญหาเร่งด่วน
– ผู้จัดการระดับทั่วไป: สั่งการให้ทีมแก้ไขปัญหาโดยรวม โดยไม่ได้มอบหมายความรับผิดชอบที่ชัดเจน ติดตามงานเป็นครั้งคราว และตำหนิทีมหากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข
– ผู้จัดการระดับดี: มอบหมายงานให้ผู้ที่มีความสามารถเหมาะสมที่สุด ติดตามงานอย่างสม่ำเสมอ และให้คำแนะนำเพื่อช่วยแก้ไขปัญหา
– ผู้จัดการระดับยอดเยี่ยม: มอบหมายงานโดยคำนึงถึงความสามารถและความพร้อมของแต่ละคน ติดตามงานอย่างใกล้ชิด ให้การสนับสนุนและทรัพยากรที่จำเป็น และให้ข้อมูลย้อนกลับที่เน้นการเรียนรู้จากปัญหา
3. สถานการณ์: การพัฒนาศักยภาพของทีมงาน
– ผู้จัดการระดับทั่วไป: จัดอบรมทั่วไปให้ทีมโดยไม่ได้พิจารณาความต้องการเฉพาะของแต่ละคน ไม่ติดตามผลการอบรม และไม่ให้ข้อมูลย้อนกลับ
– ผู้จัดการระดับดี: จัดอบรมที่ตรงกับความต้องการของทีม ติดตามผลการอบรม และให้ข้อมูลย้อนกลับทั่วไป
– ผู้จัดการระดับยอดเยี่ยม: พูดคุยกับแต่ละคนเพื่อทำความเข้าใจความต้องการและเป้าหมายในการพัฒนา จัดหาโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสม ติดตามความก้าวหน้า และให้ข้อมูลย้อนกลับที่เฉพาะเจาะจงและสร้างแรงบันดาลใจ
ผู้จัดการที่เก่งจะสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการมอบหมายงาน ติดตามงาน และให้ข้อมูลย้อนกลับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อสร้างทีมงานที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความสุขในการทำงาน