สาเหตุที่ลูกน้องไม่กล้านำปัญหามาหารือหัวหน้า

แผนงานมักไม่เป็นไปตามแผน

ยิ่งความผันผวนมีเยอะ งานก็ยิ่งผันผวนเยอะ

โอกาสที่จะไม่เป็นไปตามแผน ก็ยิ่งสูงขึ้นมาก

เมื่องานไม่เป็นไปตามแผนมากขึ้น

จึงมักเกิดปัญหาให้ต้องขบคิดแก้ไขเพิ่มขึ้น

สองหัวดีกว่าหัวเดียว ยิ่งในยามวิกฤติยิ่งจำเป็น

วิธีการก็คือ เราควรหารือปัญหากับหัวหน้าให้เร็วที่สุด

เพราะว่าหัวหน้าควรจะมี…

– ดุลพินิจที่ ดีกว่าเรา 

– มุมมองที่ มากกว่าเรา 

– ข้อมูลที่ มากกว่าเรา 

– เข้าถึงทรัพยากร/เครือข่าย มากกว่าเรา

แต่ว่าลูกน้องส่วนใหญ่ไม่กล้า สาเหตุอาจจะมาจาก…

1. คิดว่าเป็นความรับผิดชอบ น่าจะแก้ไขได้เอง

2. กลัวหัวหน้าจะมองว่าตัวเอง ดีไม่พอ/เก่งไม่พอ

3. กลัวหัวหน้ามองว่า ไม่รู้จักพึ่งตัวเอง

4. เกรงใจไม่อยากรบกวนเวลาหัวหน้า

5. กลัวหัวหน้าถามกลับว่า “คุณคิดว่าจะแก้อย่างไร”

หัวหน้าควรจะสร้าง Trust กับลูกน้อง เพื่อลดสาเหตุทั้งหลายด้วยการ…

1. มันเป็นความรับผิดชอบ “ที่จะหารือให้เร็วที่สุด” เพราะว่าปัญหาอาจจะบานปลายหากปล่อยให้เนิ่นนาน

2. หัวหน้าต้องบอกกับลูกน้องว่า “เป็นความกล้าหาญ” ที่รีบนำปัญหามาบอกหัวหน้าเนิ่น ๆ มิใช่เป็นการดูไม่ดี หรือเป็นการดูไม่เก่งอย่างที่เคยคิดกันในอดีต

3.หัวหน้าควรบอกลูกน้องว่า การนำปัญหามาหารือเป็นสิ่งดี และเชื่อว่าเขาได้ลองคิดหาทางมาแล้วแต่อาจจะต้องการมุมมองเพิ่มเติม

4. บอกคนของเราว่า “อย่าเกรงใจเวลานำปัญหามาหารือ” “หาก “เกรงใจจริง” ต้องนึกถึงว่าหากปัญหามันบานปลายและความเสียหายมันสูงนั่นแหละคือสิ่งที่น่าเกรงใจ เพราะผลกระทบจะใหญ่ขึ้นเมื่อเวลาล่วงผ่านพ้นไป”

5. อย่าเถรตรง เอะอะก็โค้ช ใครมีปัญหาเข้ามาถามก็ถามกลับไปทุกเรื่อง แนวทางก็คือเมื่อคนมีปัญหาเข้ามาถาม ขอข้อมูลเขาก่อนว่าปัญหาคืออะไร บริบทเป็นอย่างไร แล้วประเมินดูว่า เราควรแนะนำหรือถามให้เขาคิดดี หากคิดว่าควรถามให้เขาคิด ควรเช็คด้วยว่าเขาพร้อมไหม “คุณอยากให้ผมตอบหรืออยากให้ผมตั้งคำถามชวนคุณคิดให้หาคำตอบเอง”

การที่ลูกน้องเราไม่กล้านำปัญหามาปรึกษาเรา แสดงว่า “เราไม่สามารถสร้าง Trust ให้เขาได้”

เป็นความรับผิดชอบของหัวน้า ที่ต้องทบทวนตัวเองและรีบปรับเปลี่ยนตัวเองโดยเร็วครับ

อย่าสั่งแต่ให้ลูกน้องเปลี่ยนโดยที่เราไม่ได้ปรับอะไรครับ