เกรงใจกับการบอกปัญหาให้หัวหน้า

กุ้งและเล็กเป็นเพื่อนสนิททำงานอยู่ที่บริษัทเดียวกันแต่คนละฝ่ายงาน เที่ยงวันนี้ระหว่างทานอาหาร กุ้งสังเกตเห็นว่าเล็กมีหน้าตาไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก เธอจึงเริ่มการสนทนาโดยถามไปว่า “มีอะไรไม่สบายใจหรือเล็ก ดูหน้าตาหม่นหมองเชียว”

เล็กตอบด้วยท่าทีอึดอัดว่า “เธอนี่ช่างสังเกตนะ วันนี้ฉันมีเรื่องกลุ้มใจนะซี โบรชัวร์ผลิตภัณฑ์ใหม่ท่าทางจะเสร็จไม่ทันงานนิทรรศการในอีกห้าวันข้างหน้า อาจจะล่าช้าออกไปอีกซักสองสามวันนะ”

กุ้งถามต่อ “เกิดปัญหาอะไรขึ้นล่ะ”

เล็กตอบ “โรงพิมพ์เขารอกระดาษรุ่นพิเศษจากโรงงานนะ”

กุ้งจึงเสนอแนะว่า “เธอน่าจะบอกหัวหน้าเธอนะ”

เล็กตอบด้วยสีหน้าตกใจว่า “โอ๊ยไม่ได้หรอก ฉันจะลองพยายามแก้ปัญหากับโรงพิมพ์ให้ถึงที่สุดก่อนนะ ยังเหลืออีกตั้งห้าวัน หากว่าในสามสี่วันนี้ฉันจัดการไม่ได้จริง ๆ ละก็จะบอกนายให้เขารับรู้ อาจจะราว ๆ วันที่สี่นั่นแหละ ฉันจะพยายามให้ถึงที่สุดก่อนนะกุ้ง

ฉันเกรงใจหัวหน้านะ ไม่อยากรบกวนเขาด้วยเรื่องเล็กน้อย เห็นว่าเขาก็ยุ่งมากพออยู่แล้วกับการเตรียมการสำหรับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในงานนิทรรศการที่กำลังจะมาถึงนี่”

กุ้งยังยืนยันต่อ “ฉันว่าเธอควรบอกหัวหน้าเธอวันนี้เลยนะ ขืนไปบอกใกล้ ๆ มันจะสายเกินแก้”

เล็กตอบ “นอกจากเกรงใจแล้ว หัวหน้าอาจจะดูว่าฉันทำงานไม่ได้เรื่องด้วยนะ ที่ปล่อยให้เกิดปัญหานี้ขึ้นมา มองโลกในแง่ดีนะถ้าฉันสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้เองนายเขาก็จะไม่รู้จุดอ่อนของเรา เครดิตของเราก็ยังดีอยู่ ผลงานก็ดูดี

เธอย่าลืมนะจ๊ะ ว่าช่วงนี้มันใกล้เวลาที่บริษัทต้องประเมินผลงานแล้ว ทำดีหรือทำพลาดอะไร มันอาจจะกระทบกับการปรับเงินเดือนของเราได้”

กุ้งเริ่มจริงจังขึ้น เธอแนะนำว่า “เล็ก เราจะบอกเธอตรง ๆ นะ ซึ่งอาจจะฟังไม่รื่นหูซักหน่อย ฉันว่าเธอจะใช้การมองโลกในแง่ดีกับเหตุการณ์อย่างนี้ไม่เหมาะนะ หากว่าเธอเกิดไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง ๆ ภายในสองสามวันนี้ พอถึงวันที่สี่เธอไปบอกนาย จะเกิดอะไรขึ้น ด้วยเวลาเพียงวันสองวัน นายของเธอคงไม่สามารถทำอะไรได้มาก พอถึงวันงานเข้าจริง ๆ ก็จะไม่มีโบรชัวร์ให้พวกลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายเขาได้ดู อย่างดีก็อาจจะมีรูปผลิตภัณฑ์ถ่ายสำเนาสีขาวดำดูน่าเกลียด ๆ แทนที่จะเป็นโบรชัวร์ที่สวยงาม นอกจากนี้ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคจากฮ่องกงก็จะมางานนี้ด้วย ฉันว่านายของเธอคงดูไม่ดีแน่ ๆ เลย แม้ว่าปัญหามันจะดูเหมือนเล็ก ๆ แต่ผลกระทบตามมามันใหญ่นะเธอ โดยเฉพาะกับงานนิทรรศการที่กำลังจะมาถึงนี่”

กุ้งหยุดเว้นจังหวะหายใจครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ในทางกลับกันหากเธอคุยกับนายเธอบ่ายนี้เลยว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น ฉันว่าโอกาสที่เธอจะป้องกันความเสียหายนี่มันน่าจะมีสูงกว่านะ

ใช้ความเกรงใจให้เหมาะสมนะเล็ก แทนที่เธอจะเกรงใจเขาตอนนี้โดยไม่รบกวนเขาแล้วปัญหาเกิดบานปลายขึ้นมา ฉันว่าเธอน่าจะเกรงใจเขาในอนาคตดีกว่า ลองนึกภาพดูว่าหากนายเธอถูกตำหนิจากนายของเขาอีกที ลองคิดดูว่าเรื่องไหนน่าจะเกรงใจมากกว่ากัน

แต่ว่าอย่าไปหานายของเธอด้วยปัญหาอย่างเดียว ให้เตรียมทางแก้ปัญหาไปสองสามทางด้วย

ฉันเคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆกันแบบนี้แหละ พอวิ่งไปหานาย นายเขาก็ถามว่า คุณคิดว่ามีทางแก้อย่างไรบ้าง ฉันนี้ก็อึ้งกิมกี่ไปเลยนะ ตั้งแต่นั้นมา เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ฉันจะนึกทางแก้ไว้สองสามทางเสมอ เพราะเราอยู่หน้างานเราพอจะมองออกว่ามันควรจะทำอะไรได้บ้างแม้ว่าทางแก้ปัญหาอาจจะไม่สมบูรณ์นักก็ตาม ฉันจะมองหาทางแก้เสมอโดยไม่คำนึงว่าจะเป้นความผิดของใคร ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า Accountability แปลว่าความมุ่งมั่นรับผิดชอบถึงที่สุด

ในกรณีของเธอ ทางแก้ปัญหาอาจจะเป็นการลองเปลี่ยนแบบของกระดาษในล๊อตแรก หรือขอให้นายเธอช่วยขอยืมโบรชัวร์จากประเทศอื่นมาชั่วคราวก่อน

เธอต้องเข้าใจว่า นายเธออาจจะไม่พอใจเท่าไรเมื่อเกิดปัญหาขึ้น แต่เขาจะได้ช่วยเธอแก้ไขปัญหานี้ได้แต่เนิ่น ๆ ด้วยประสบการณ์ วิจารณญาณ และสายสัมพันธ์ของเขา ปัญหานี้ฉันว่าน่าจะแก้ไขได้ โดยเฉพาะถ้ายังพอมีเวลาสี่ห้าวันอย่างนี้ แต่ถ้าหากมีเวลาแค่วันสองวัน เผลอ ๆ อาจจะแก้ไขไม่ทันนะ

พวกเราคนไทยนี่ชอบบอกแต่ข่าวดีให้นายฟัง ด้วยความตั้งใจดีนะ ไม่อยากให้นายต้องขุ่นข้องหมองใจ แต่อย่าลืมว่า ความพอใจของนายนั้นอยู่ที่บั้นปลาย หรือผลลัพธ์ต่างหาก กรณีนี้ก็คือนายจะพอใจก็ต่อเมื่อถึงวันที่มีงานแล้วมีโบรชัวร์ให้ลูกค้า

ลองนึกดูว่าเธอบอกเขาว่าไม่มีปัญหาวันนี้ เขาก็ดูพออกพอใจ แต่พอถึงวันงานละก็ความพึงพอใจคงไม่เหลือหรอก ถึงตอนนั้นเธอก็จะถูกตำหนิว่าไม่บอกปัญหาให้เขารู้เสียแต่เนิ่น ๆ

เรื่องสุดท้าย ฉันว่าเธออย่ากังวลใจเกี่ยวกับการดูดีและดูไม่ดีในสายตาของนายเธอเลย หากว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้วเธอวิ่งไปบอกนายเธอเนิ่น ๆ โดยมีทางแก้ปัญหาไปให้เขาด้วยซักสองสามข้อ ฉันว่าเธอคงจะไม่ดูแย่เท่าไรนักหรอกนะ ในทางกลับกันฉันว่านายเธออาจะมองด้วยว่าเธอมีความคิดริเริ่ม โดยไม่รอให้เกิดปัญหาขึ้นมาก่อนจนใกล้เส้นตายแล้ว”