มองคนละมุม
เล็กไม่ใช่คนที่เพื่อนชาวไทยชื่นชมเธอเท่าไรนัก ในฝ่ายงานที่เธอทำงานอยู่ เธอไม่ค่อยทำงานของเธอมากเท่าไร โต๊ะของเธอจะรกรุงรัง คำชมเชยที่เธอได้รับ ส่วนใหญ่มาจากการที่เธอนำเอาผลงานของเพื่อน ไปนำเสนอในที่ประชุม โดยอ้างว่าเธอทำ
ในขณะที่เพื่อนในทีมงานเธอส่วนใหญ่ทำงานล่วงเวลาดึกดื่นเพื่อให้โครงการเสร็จตามกำหนดเวลา เล็กมักจะกลับบ้านก่อนคนอื่นเสมอ คติพจน์ของเธอก็คือ ใช้สมองแทนการใช้แรงงานหรือที่ฝรั่งบอกว่า ‘Work smart not work hard’.
ในที่ประชุมเธอมักจะกระตือรือร้นมีส่วนร่วมอย่างมาก เมื่อใดก็ตามที่โจผู้จัดการชาวต่างชาตินำเสนอแนวคิดอะไรก็ตาม หากเธอเห็นด้วยเธอจะสรุปประเด็นหลักกลับไป แทนที่จะพยักหน้าแบบคนส่วนใหญ่ทำเพียงอย่างเดียว บางครั้งเธอก็เสนอความคิดเห็นเพิ่มเติมโดยปราศจากความกังวลใจว่าจะหน้าแตก เธอแสดงความกล้าหาญด้วยการมีความเห็นที่ขัดแย้งกับโจเมื่อใดก็ตามที่เธอคิดว่าเธอมีเหตุผลเพียงพอ นอกจากนี้เธอยังไม่อายจะถามเมื่อเธอสงสัยหรือไม่เข้าใจ โจถูกชะตากับเล็กอย่างมาก โจคิดว่านอกจากเธอจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วแล้ว เธอยังมีความกล้าแสดงออกอย่างเหมาะสมอีกด้วย
ในทางตรงกันข้าม เพื่อนร่วมงานของเธอกลับมองเธอในแง่ร้ายด้วยความหมั่นไส้ เธอคือแกะดำในฝูงนั่นเอง
หลังการประชุมในวันนี้ โจไปทานอาหารเย็นกับปีเตอร์ ผู้บริหารต่างชาติในอีกฝ่ายงานหนึ่ง
โจเล่าให้ปีเตอร์ฟังว่า “ปีเตอร์ ผมพบอัญมณีในฝ่ายงานผมแล้ว เธอชื่อคุณเล็ก เธอเฉลียวฉลาดที่สุดในหกคนไทยที่ทำงานกับผม เธอมีส่วนร่วมในที่ประชุม ถามคำถาม เถียงกับผม ผมนับถือเธอจริง ๆ ในขณะเดียวกับอีกห้าคนท่าทางไม่ค่อยฉลาดเท่าไร ผมว่าพวกเขาคงไม่ค่อยรู้เรื่องและเข้าใจผมว่าผมสื่อสารอะไรกับพวกเขาอยู่ ผมยังสงสัยตะหงิด ๆ อยู่เลยว่าพวกเขารู้เรื่องงานที่เขาทำอยู่หรือเปล่าหนอ”
ปีเตอร์ถามต่อ “คุณประเมินได้อย่างไรว่าคนของคุณเข้าใจคุณมากน้อยเพียงใด”
โจตอบทันที “ถ้าเขายิ้มและนั่งเงียบ ผมเหมาเอาว่าเขาไม่เข้าใจผมหรอก ที่จริงแล้วผมว่าการยิ้มโดยไม่มีเหตุผลของคนไทยเป็นเรื่องที่ไร้สาระจริง ๆ ไม่มีเหตุผลอะไรก็เอาแต่ยิ้ม
สำหรับการที่ผมประเมินว่าเข้าใจหรือไม่นั้น ผมก็จะดูจากการที่เขาทบทวนหรือสรุปประเด็นหลัก ๆ กลับมายังผม หรือไม่ก็ถามคำถามเพื่อให้ผมได้แจงแจงให้ชัดเจนขึ้น มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่คนสองคนจะมีความเห็นเหมือนกันโดยไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย”
ปีเตอร์จึงแนะนำกลับไปว่า “โจผมว่าคุณกำลังตกสู่กับดักที่ผู้บริหารต่างชาติส่วนใหญ่เจอกันมาก็คือ คุณประเมินคนจากการกล้าแสดงความคิดเห็นและทักษะในการสื่อสารภาษาอังกฤษเท่านั้น คุณมองว่าคนที่เงียบคือคนที่ไม่รู้เรื่องหรือไม่ค่อยฉลาด เป็นการมองจากเปลือกนอกมากเกินไป แล้วผลงานของคุณเล็กละเป็นไงบ้าง”
โจตอบ “ผมคิดว่าการทำงานของเธอน่าจะโอเคนะ ผมเจอเธอแต่ในห้องประชุมเท่านั้น เธอเป็นคนเดียวที่นำเสนอผลงานในห้องประชุม ผมเดาว่าเธอคงทำเองทั้งหมด เพราะหากเธอกล่าวอ้างขึ้นมาลอย ๆ เพื่อนคนไทยคนอื่นที่นั่งในที่ประชุมคงไม่ยอมแน่ ๆ ที่อยู่ ๆ จะมีคนอื่นก็มาฉกฉวยเครดิตไป”
ปีเตอร์แย้ง “ผมว่าการที่คุณไม่ได้เห็นเธอทำงานด้วยตาตนเองโดยดูจากที่ประชุมเท่านั้น คุณอาจจะผิดก็ได้ เพื่อนเธออาจจะเป็นคนทำก็ได้ คุณน่าจะรู้นะว่า คนไทยไม่ชอบการเผชิญหน้า สมมติว่าเล็กขโมยผลงานของเพื่อนมานำเสนอในที่ประชุมต่อหน้าเจ้าตัวก็ตามทีเหอะ พวกเขาก็จะไม่ฉีกหน้ากันหรอก ยิ่งถ้าเล็กของคุณเป็นคนกล้าแสดงออกด้วยแล้ว เพื่อน ๆ คงขยาดที่จะตอแยด้วยหรอกนะ
สำหรับเรื่องการยิ้มของคนไทยก็อีกเรื่องหนึ่ง ประเทศของคุณอาจจะต้องมีเหตุผลคนจึงจะยิ้มกัน แต่ในสังคมไทยเขาก็มีเหตุผลของเขา สังคมไทยเป็นสังคมที่เน้นความความสัมพันธ์ พวกเขามีวัฒนธรรมที่สวยงามและเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน เหตุผลที่เขายิ้มให้กันเพื่อทำให้บรรยากาศในที่ประชุมผ่อนคลายไม่ตึงเครียด คุณน่าจะดีใจนะที่พนักงานของคุณอารมณ์ดีนะ ผมว่ามันช่วยเพิ่มประสิทธิผลของงานน่าดูเลย”
ในเวลาเดียวกันที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้าม ทีมคนไทยห้าคนกำลังคุยเรื่องเดียวกันอยู่ แต่เป็นคนละมุมมอง
เดช หนึ่งในสมาชิกกล่าวขึ้นว่า “ผมไม่ชอบเล็กเลย เธอไม่ทำงานอะไร เอาแต่นำเสนอผลงาน ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ผลงานของเธอ เป็นผลงานคนอื่นเสียส่วนใหญ่ เก่งก็ภาษาอังกฤษนั่นแหละ แล้วก็หน้าหนาเป็นพิเศษ พูดได้ทั้งวันในที่ประชุม”
นารีกล่าวขึ้นว่า “ฉันเองเฝ้าคิดเรื่องเล็กมาระยะหนึ่งแล้วนะ ทีแรกก็เห็นแบบเดชนี่แหละ แต่พอลองนั่งทบทวนด้วยใจเป็นกลางจริง ๆ แล้วก็พบว่า ที่จริงเล็กเขาก็แสดงพฤติกรรมตามที่โจคาดหวังจากพวกเราในที่ประชุม เพียงแต่ว่าเธออาจจะขโมยผลงานเพื่อนมากไปหน่อย ที่จริงพวกเราต่างหากที่ไม่มีพฤติกรรมตรงตามที่โจเขาคาดหวัง ก็เลยทำให้โจฟังแต่เล็ก ฉันว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องทวงเครดิตคืน พร้อมกับปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ในที่ประชุมให้ตรงกับที่นายเขาหวังไว้”
เดชแย้งขึ้นมาว่า “แต่มันยากสำหรับผมนะครับ ก็ผมเป็นแบบนี่มาตั้งสามสิบปีแล้ว ผมจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร”
นารีตอบว่า “เราเปลี่ยนแปลงได้นะ แต่ต้องเปลี่ยนจากภายใน สิ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือ เราต้องขยายความเชื่อของเรา เราอาจจะยังคงความเป็นไทยของเราไว้ ในขณะเดียวกัน เราก็เพิ่มความเป็นสากล การกล้าแสดงออก ความเปิดเผย กล้าขัดแย้ง และเผชิญหน้าในเรื่องงาน หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ฝึกพฤติกรรมใหม่นี้ ถ้าเล็กเขาทำได้ เราก็ต้องทำได้ เราน่าจะทำได้ดีกว่าด้วยซํ้าไปเพราะเราเป็นคนที่ลงมือทำงานจริง ๆ ไม่ได้แอบอ้างผลงานของคนอื่น เพียงแต่เปลี่ยนสไตล์การสื่อสาร และการแสดงออกในที่ประชุมเท่านั้นแหละ”